วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

จิตว่าง...ก็คือจิตว่าง




จิตว่าง...ก็คือจิตว่าง
ว่างแล้วก็แล้วกันไป
เดี๋ยวมันก็มาวุ่นอีก
ตามกฏธรรมชาติ
พอสงบ เดี่ยวก็ไม่สงบ 
พอไม่สงบก็พยามจะสงบ
ความสงบ..ก็คือความสงบ
สงบแล้วก็แล้วกันไป
เดี๋ยวมันก็ไม่สงบอีก
ตามกฎของธรรมชาติ
พอไม่สงบ
จะปฎิบัติอะไร เดินจงกรม อานาปานสติ
สงบแล้วจบแล้ว ว่างแล้ว
ออกมาจากฌานแล้วก็เหมือนเดิม
ฌาน อภิญญา สมาธิ มันก็แค่ธรรมชาติ
เกิดดับเอง
ไม่มีใครไปเป็นเจ้าของมันได้หรอก
แค่คิดจะปฎิบัติ ให้ดี อย่างไรให้ดี
เดี่ยวดีเดี่ยวไม่ดี เดี่ยวสงบ เดี่ยวไม่สงบ
ยังไม่เห็นธรรมใดๆเลย ได้แค่ วิปัสนึก
นึกเอาเอง และไม่ใช่ดูการดูจิตนะ
เป็นการดูสังขาร ดูความคิด ดูอาการ
ก็ยังได้แค่ สิ่งถูกดู และ สิ่งไปรู้
ภพชาติไม่หายไปไหนเลย ยังไม่ได้คลายความหลงหรือโมหะเลยมา ที่จะเห็นว่าไม่มีตัวตนของตน
อย่าไปยึดอะไรเป็นที่หมาย...จน" ขัง "ตนเอง จิตมันฝึกไม่ได้หรอก
ทุกสรรพสิ่ง ทุกวินาที เปลี่ยนแปลงเองตลอด
ไม่ใช่เรา ไปกระทำใดๆ
มันผันแปรเองตลอด
จนคลายความกอดรัด ดึงดูด พลักต้านเอง
คลายจากการเป็นเจ้าของ
คลายจากยึดถือ ในธรรมทั้งปวง



มายาเกิดจากภาพที่ถูกสร้างขึ้น
หลงไปสู้ กำจัด ไปปล่อย ไปวาง แค่กระทำ
แล้วก็ยึดถือเสียเอง ไม่ต่างจากเงา และกระจก
อิสระจากมายา มิใช่หลงไปเป็นมายา
ฝึกให้ตาย เพียรกี่ล้านชาติ ถ้าไม่เห็นตรงนี้
ก็ได้แค่ ความจำ จึงไม่เห็นตามความเป็นจริง
"ทุกๆความรู้สึกทุกๆสถาวะอารมณ์
เป็นเพียงผู้มาเยือน
ปล่อยให้พวกเขามาและจากไปเอง"
จึงเห็นความเป็นจริง จึงเห็น "ตถาตา"
มีแต่ความเป็นเช่นนั้นเอง ของมันเอง
มันก็มีของมัน แต่ไม่เข้าไปเป็น ไม่ไปเปลียนมัน
ไม่บังคับมัน ไม่ไปสู้มัน ไม่ต้องปล่อยวางมัน
ซักพักมันก็เป็นสายลม หรือ สลายหายไปเอง
ไม่...ต่อต้าน
ไม่...ตัดสิน
ไม่...ยึดติด
สามสิ่งนี้ทำให้ชีวิตตื่นรู้และอิสระอย่างแท้จริง

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons