วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แนวข้อสอบสนามหลวงวิชาพุทธานุพุทธประวัติ

แนวข้อสอบสนามหลวงวิชาพุทธานุพุทธประวัติ

DSC08300

 

กุหลาบแดง๑. พุทธประวัติ วิภาคที่ ๑ ปุริมกาล และวิภาคที่ ๓ อปรกาล ที่ทรงรจนาไว้ แสดง

ถึงเรื่องอะไร

ตอบ ปุริมกาล แสดงถึงเรื่องเป็นไปในกาลก่อนแต่บำเพ็ญพุทธกิจ

อปรกาล แสดงถึงเรื่องถวายพระเพลิงและแจกพระบรมธาตุ ฯ

กุหลาบแดง๒. ในขณะเสวยวิมุตติสุขใต้ร่มไม้มหาโพธิ์ พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาข้อธรรมอะไร

และธรรมนั้นมีใจความย่อว่าอย่างไร

ตอบ ทรงพิจารณาปฏิจจสมุปปบาท ฯ

มีใจความย่อว่า สภาวะอย่างหนึ่งเป็นผลเกิดแต่เหตุอย่างหนึ่งแล้ว ซ้ำเป็นเหตุยังผลอย่างอื่นให้เกิดต่อไปอีก เหมือนลูกโซ่เกี่ยวคล้องกันเป็นสาย ฯ

กุหลาบแดง๓. ปัญจมหาวิโลกนะ คืออะไร มีความเป็นมาอย่างไร

ตอบ คือ การพิจารณาถึงความเหมาะสมใหญ่ ๕ ประการ ฯมีความเป็นมาอย่างนี้ คือเมื่อพระมหาสัตว์เป็นสันตุสิตเทวราชอยู่ในดุสิตเทวโลก หมู่เทวดามาทูลอาราธนาให้จุติลงไปบังเกิดในครรภ์พระมารดา ในลำดับนั้น พระมหาสัตว์ยังมิได้ทรงให้ปฏิญญาแก่หมู่เทวดาผู้มาทูลอาราธนา ต่อเมื่อทรงพิจารณาปัญจ-มหาวิโลกนะแล้ว จึงทรงให้ปฏิญญา ฯ

กุหลาบแดง๔. ในวันที่พระมหาบุรุษประสูติ มีสหชาติที่เกิดพร้อมกันกี่อย่าง อะไรบ้าง

ตอบ มี ๗ อย่าง คือ พระนางพิมพา ๑, พระอานนท์ ๑, กาฬุทายีอมาตย์ ๑, ฉันนะอมาตย์ ๑, ม้ากัณฐกะ ๑, ต้นมหาโพธิ์ ๑ และขุมทรัพย์ทั้ง ๔ ฯ

กุหลาบแดง๕. จงเล่าความเป็นมาของพุทธโกลาหล

ตอบ เมื่อสุทธาวาสมหาพรหมทั้งหลายลงมาเที่ยวประกาศทั่วหมื่นโลกธาตุว่า เบื้องหน้าแต่นี้ล่วงไปอีกแสนปี พระสัพพัญญูจะบังเกิดในโลก ถ้าใคร่จะพบเห็น จงเว้นจากเวรทั้ง ๕ อุตส่าห์บำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา กระทำการกุศลต่าง ๆ ดังนี้จึงทำให้เกิดพุทธโกลาหลขึ้น ฯ

กุหลาบแดง๖. บุพพนิมิต ๕ ประการที่เกิดแก่พระโพธิสัตว์ ก่อนจะจุติลงปฏิสนธิในครรภ์พระ

มารดาคืออะไรบ้าง

ตอบ คือ ดอกไม้ทิพย์ประดับกายเหี่ยวแห้ง ๑, ผ้าภูษาทรงมีสีเศร้าหมอง ๑, เหงื่อ

ไหลออกจากรักแร้ ๑, ร่างกายปรากฏชรา ๑ และ พระทัยกระสันเป็นทุกข์ เหนื่อย

หน่ายจากเทวโลก ๑ ฯ

กุหลาบแดง๗. พระวาจาที่พระมหาบุรุษทรงเปล่งในวันประสูตินั้น เรียกว่าอะไร ใจความโดย

ย่ออย่างไร พระพุทธกิจ ๕ อย่าง มีอะไรบ้าง ข้อไหนที่ทรงบำเพ็ญเป็นนิจตราบเท่า

ปรินิพพาน

ตอบ เรียกว่า อาสภิวาจา ฯ

ใจความย่อว่า “เราเป็นผู้เลิศเป็นยอดแห่งโลก เราเป็นผู้เจริญผู้ใหญ่แห่งโลก เราเป็นผู้

ประเสริฐแห่งโลก ความบังเกิดชาตินี้มี ณ ที่สุดบัดนี้ ความบังเกิดอีกมิได้มี” ฯ

มี ๕ อย่าง คือ เวลาเช้า เสด็จออกบิณฑบาต ๑, เวลาเย็น ทรงแสดงธรรม ๑, เวลา

ย่ำค่ำ ทรงโอวาทภิกษุ ๑, เวลาเที่ยงคืน ทรงตอบปัญหาเทวดา ๑, เวลาย่ำรุ่ง ทรง

ตรวจดูเวไนยสัตว์ ฯ

เว้นข้อเสด็จออกบิณฑบาต นอกนั้นทรงบำเพ็ญเป็นนิจตราบเท่าปรินิพพาน ฯ

กุหลาบแดง๘. อาสภิวาจาคือวาจาเช่นไร พระพุทธองค์ทรงยืนยันพระองค์เองว่า เป็นสัมมา

สัมพุทธะ เพราะทรงอาศัยเหตุอะไร

ตอบ คือวาจาที่เปล่งอย่างองอาจ เป็นภาษิตของบุรุษพิเศษอาชาไนย มีใจความว่า

เราเป็นผู้เลิศ เป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้ประเสริฐแห่งโลก ฯ

เพราะทรงอาศัยเหตุที่ตรัสรู้อริยสัจ ๔ อย่างแจ่มแจ้งครบถ้วนทุกประการ อันมี

รอบ ๓ มีอาการ ๑๒ จึงทรงปฏิญญาพระองค์ว่า เป็นสัมมาสัมพุทธะ ฯ

กุหลาบแดง๙. เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติ มีปาฏิหาริย์อะไรเกิดขึ้นบ้าง

ตอบ มีปาฏิหาริย์ ๗ อย่าง คือ พระมารดาทรงประทับยืน ๑, ประสูติไม่เปรอะเปื้อน

ด้วยครรภ์มลทิน ๑, มีเทวดามาคอยรับก่อน ๑, มีธารน้ำร้อนน้ำเย็นตกลงมาจาก

อากาศสนานพระกาย ๑, เมื่อประสูติออกมาทรงเดินได้ ๗ ก้าว ๑, ทรงเปล่งวาจา

เป็นบุพพนิมิตแห่งพระสัมมาสัมโพธิญาณ ๑, แผ่นดินไหว ๑ ฯ

กุหลาบแดง๑๐. ในการบำเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณของพระโพธิสัตว์ อยาก

ทราบว่า การบำเพ็ญทุกรกิริยาและอุปมา ๓ ข้อ อย่างไหนเกิดก่อน ทรงมีเหตุผล

อย่างไร

ตอบ อุปมา ๓ ข้อเกิดก่อน การบำเพ็ญทุกรกิริยาเกิดภายหลัง ฯ

เพราะเมื่ออุปมา ๓ ข้อ มาปรากฏแก่พระองค์แล้ว ทรงคิดจะบำเพ็ญเพียรเพื่อป้องกัน

จิตไม่ให้น้อมไปในกามารมณ์ได้ จึงทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา ฯp23

กุหลาบแดง๑๑. ข้ออุปมาว่า “ไม้แห้งที่วางไว้บนบก ไกลน้ำ สามารถสีให้เกิดไฟได้” เกิดขึ้นแก่

ใคร โดยนำไปเปรียบกับอะไร

ตอบ แก่พระมหาบุรุษ คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฯโดยทรงนำไปเปรียบกับสมณพราหมณ์ทั้งหลายว่า สมณพราหมณ์บางพวกมีกายหลีกออกจากกาม ใจก็ละความรักใคร่ในกาม สงบดีแล้ว หากพากเพียรพยายามอย่างถูกต้องย่อมสามารถตรัสรู้ธรรมได้ ฯ

กุหลาบแดง๑๒. ในพุทธประวัติกล่าวถึงบุคคลต่อไปนี้คือ โสตถิยพราหมณ์ หุหุกชาติพราหมณ์

โทณพราหมณ์ ว่าอย่างไรบ้าง

ตอบ โสตถิยพราหมณ์ เป็นพราหมณ์ที่ถวายหญ้า ๘ กำ แด่พระมหาบุรุษในเวลาเย็น

แห่งวันตรัสรู้ หุหุกชาติพราหมณ์ เป็นพราหมณ์ที่เข้าเฝ้าทูลถามปัญหากะพระพุทธ

องค์ขณะประทับ ณ ภายใต้ร่มไม้อชปาลนิโครธ โทณพราหมณ์ เป็นพราหมณ์ที่ทำ

หน้าที่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุแก่กษัตริย์ และพราหมณ์ทั้ง ๘ พระนคร ฯ

กุหลาบแดง๑๓. พระปัญจวัคคีย์ได้ออกบวชตามพระมหาบุรุษเพราะมีความเชื่ออย่างไร การ

ได้บรรลุอริยผลของพระปัญจวัคคีย์ วันเดียวกันหรือต่างวันกัน

ตอบ มีความเชื่อว่า พระมหาบุรุษจะได้ตรัสรู้อย่างแน่นอน จึงพร้อมใจกันออกบวช

ติดตามเฝ้าอย่างใกล้ชิด ด้วยหวังว่า พระองค์ได้ตรัสรู้แล้วจักได้เทศนาโปรดตน ฯการบรรลุอริยผลชั้นต้นต่างวันกัน โกณฑัญญพราหมณ์บรรลุในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘

พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ พระอัสสชิ บรรลุในวันแรม ๑ ค่ำ, ๒ ค่ำ, ๓

ค่ำ, ๔ ค่ำ ตามลำดับ ส่วนการบรรลุอริยผลชั้นสูงสุดวันเดียวกัน ด้วยพระธรรมเทศนาอนัตตลักขณสูตร ในวันแรม ๕ ค่ำเดือน ๘ ฯ

กุหลาบแดง๑๔. ฤษีปัญจวัคคีย์ออกบวชตาม และอยู่ปรนนิบัติพระพุทธองค์ขณะทรงบำเพ็ญ

ทุกรกิริยา เพราะคิดอย่างไร หลีกหนีไปเพราะคิดอย่างไร และการทั้ง ๒ นั้น มีผลดี

อย่างไร

ตอบ ออกบวชตามเพราะคิดว่า บรรพชาของพระองค์คงมีประโยชน์ พระองค์บรรลุ

ธรรมใด จักทรงสั่งสอนให้ตนบรรลุธรรมนั้นบ้าง ฯ

หลีกไปโดยคิดว่า พระองค์ทรงละทุกรกิริยาแล้ว คงจะไม่บรรลุธรรมพิเศษอันใดได้ ฯ

การมาปรนนิบัตินั้น ทำให้สามารถเป็นพยานได้ว่า พระพุทธองค์ทรงเคยประพฤติอัตตกิลมถานุโยคอย่างอุกฤษฏ์มาแล้ว แม้เช่นนี้ก็ไม่เป็นทางที่จะให้รู้ธรรมพิเศษอันใดได้ ส่วนการหลีกหนีไปนั้นก็เป็นผลดี เพราะเวลานั้นเป็นเวลาบำเพ็ญเพียรทางจิต ซึ่งต้องการความสงัด ฯ

กุหลาบแดง๑๕. บุคคลผู้ได้ชื่อว่า อัปปรชักขชาติ มีลักษณะอย่างไร พระโกณฑัญญะได้นาม

เพิ่มข้างหน้าว่า พระอัญญาโกณฑัญญะ เพราะเหตุใด

ตอบ เป็นผู้มีกิเลสธุลีในปัญญาจักษุน้อยเป็นปกติ สามารถจะรู้ทั่วถึงธรรมได้โดยพลัน

เพราะพระพุทธองค์ทรงทราบว่า ดวงตาเห็นธรรมได้เกิดขึ้นแล้วแก่ท่านจึงทรงเปล่งพระอุทานว่า อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอ ๆ อาศัยคำอุทานว่า อญฺญาสิ อญฺญาสิ ท่านจึงได้นามเพิ่มข้างหน้าว่าอัญญาโกณฑัญญะ ฯ

กุหลาบแดง๑๖. อปาณกฌาน ได้แก่อะไร พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญฌานนี้ในคราวใด และ

ได้รับผลที่มุ่งหวังหรือไม่ อย่างไร

ตอบ ได้แก่ ความเพ่งไม่มีลมปราณ คือไม่มีลมอัสสาสะปัสสาสะโดยเนื้อความก็คือ

กลั้นลมหายใจไม่ให้ดำเนินทางจมูกและปาก ซึ่งเป็นทางเดินโดยปกติ ฯในคราวทรงทำทุกรกิริยา ฯ ไม่ได้รับผลที่มุ่งหวัง แต่เป็นการทรมานร่างกายให้ลำบากเปล่า ๆ ฯ

๑๗. พระมหาสุบินนิมิตก่อนจะตรัสรู้ที่ว่า เสด็จจงกรมบนภูเขาอุจจาระโดยพระ

บาทไม่แปดเปื้อน หมายถึงอะไร

ตอบ หมายถึง จะทรงได้ปัจจัยทั้ง ๔ แต่มิได้มีพระทัยปลิโพธเอื้อเฟื้อในปัจจัยทั้งปวง

กุหลาบแดง๑๘. พระพุทธองค์ทรงอธิษฐานจาตุรงคมหาปธาน มีใจความว่าอย่างไร ที่ไหน

และได้รับผลอย่างไร

ตอบ มีใจความว่า หากยังไม่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้วจักไม่ลุกขึ้น แม้เนื้อและเลือดจะแห้งเหือดไป เหลือแต่หนัง เอ็น และกระดูก ก็ตามที ฯที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ฯได้รับผลคือ บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณสมดังพระหฤทัย

กุหลาบแดง๑๙. ลักษณะทั้ง ๒ ที่พระพุทธองค์ทรงเห็นในมัชฌิมยามแห่งราตรีตรัสรู้คืออะไรบ้าง

ตอบ คือ ก) ปัจจัตตลักษณะ ได้แก่การกำหนดโดยความเป็นกอง

ข) สามัญญลักษณะ ได้แก่การกำหนดโดยความเป็นสภาพเสมอกัน คือความเป็นของไม่เที่ยง ฯ

กุหลาบแดง๒๐. ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น สำเร็จด้วยญาณอะไร เพราะเหตุไร ครั้นตรัสรู้แล้ว ทรงเปล่งพระอุทานในยามสุดท้ายมีความว่าอย่างไร

ตอบ อาสวักขยญาณ ฯเพราะอาสวักขยญาณ คือความรู้เป็นเหตุสิ้นอาสวะ คือ เครื่องเศร้าหมองอันหมักหมมในจิตสันดาน ฯมีความว่า “เมื่อใดธรรมทั้งหลาย ปรากฏชัดแก่พราหมณ์ ผู้มีความเพียรเพ่งอยู่พราหมณ์นั้นย่อมกำจัดเสนามาร คือชรา พยาธิ มรณะ เสียได้ดุจพระอาทิตย์อุทัยกำจัดมืดทำอากาศให้สว่างขึ้นฉะนั้น” ฯ

กุหลาบแดง๒๑. พระอรหันตสาวกรุ่นแรกที่พระศาสดาทรงส่งไปประกาศพระศาสนามีจำนวน

เท่าไร พระองค์ทรงประทานโอวาทแก่ท่านเหล่านั้นโดยย่อว่าอย่างไร

ตอบ มีจำนวนทั้งสิ้น ๖๐ รูป ฯ ทรงประทานโอวาทว่า ท่านทั้งหลายจงเที่ยวจาริกไป

ในชนบท เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ชนเป็นอันมาก แต่อย่าไปทางเดียวกัน ๒ รูป

จงแสดงธรรมอันงดงามในเบื้องต้น ท่ามกลางและที่สุด จงประกาศพรหมจรรย์อัน

บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถและพยัญชนะ ฯp01

กุหลาบแดง๒๒. ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงแล้วอย่างไรในอริยสัจ ๔ ซึ่งมีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ ทำให้พระพุทธองค์ทรงยืนยันได้ว่าเป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ที่ว่ารอบ ๓อาการ ๑๒ คืออย่างไร

ตอบ คือ ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงว่านี้ทุกข์ ทุกข์นั้นควรกำหนดรู้ ทุกข์นั้นได้กำหนดรู้แล้วนี้เหตุให้เกิดทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์นั้นควรละ เหตุให้เกิดทุกข์นั้นได้ละแล้วนี้เหตุให้ทุกข์ดับ เหตุให้ทุกข์ดับนั้นควรทำให้แจ้ง เหตุให้ทุกข์ดับนั้นได้ทำให้แจ้งแล้วนี้ข้อฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ข้อปฏิบัตินั้นควรทำให้เกิด ข้อปฏิบัตินั้นได้ทำให้เกิดแล้ว ฯ

กุหลาบแดง๒๓. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประกอบด้วยสัมปทาคุณกี่ประการ อะไรบ้าง

เกิดผลอย่างไร

ตอบ ๓ ประการ คือ เหตุสัมปทา คือการบำเพ็ญบารมีมาอย่างครบถ้วน ๑, ผลสัมปทา คือการที่ทรงได้รับผลของบารมี ทำให้มีรูปกายประกอบด้วยมหาปุริส-ลักษณะ อานุภาพ การละกิเลสและพระญาณหยั่งรู้ เป็นต้น ๑, สัตตูปการสัมปทา คือการที่ทรงบำเพ็ญระโยชน์แก่ชาวโลกด้วยพระทัยที่บริสุทธิ์ ๑ ฯทำให้พระองค์ทรงเป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาและความเลื่อมใสของบัณฑิตชนทั้งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจะพึงปรารภเป็นอารมณ์แล้วก่อสร้างสั่งสมบุญกุศลให้ไพบูลย์ ฯ

กุหลาบแดง๒๔. อนุปุพพีกถา และสามุกกังสิกธรรมคืออะไร พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่บุคคลผู้มีองคสมบัติอะไร พระศาสดาประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาแก่พระยสกุลบุตรว่าอย่างไร

ตอบ อนุปุพพีกถา คือ ถ้อยคำที่กล่าวเรียงเรื่องเป็นลำดับไป คือ ทานกถา สีลกถาสัคคกถา กามาทีปนวกถา เนกขัมมานิสังสกถา ฯสามุกกังสิกธรรม คือ ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงยกขึ้นแสดงเอง ได้แก่ อริยสัจ ๔ ฯผู้มีองคสมบัติ คือ ๑. เป็นมนุษย์ ๒. เป็นคฤหัสถ์ ๓. มีอุปนิสัยแก่กล้า ควรบรรลุโลกุตตรคุณในที่นั้น ฯท่านจงเป็นภิกษุเถิด ธรรมเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์เถิด ฯ

กุหลาบแดง๒๕. รูปกายอุบัติและธรรมกายอุบัติ แห่งพระมหาบุรุษนั้น มีความหมายว่า

อย่างไร

ตอบ รูปกายอุบัติ คือความอุบัติในสมัยลงสู่พระครรภ์และในสมัยประสูติจากพระ

ครรภ์ ส่วนธรรมกายอุบัติ คือการตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ฯT081010_05P_r

กุหลาบแดง๒๖. ที่สุดทั้ง ๒ อย่างอันบรรพชิตไม่ควรเสพคืออะไรบ้าง มีโทษอย่างไรบ้าง มัชฌิมาปฏิปทา มีคุณอย่างไรบ้าง

ตอบ คือ กามสุขัลลิกานุโยค ๑, อัตตกิลมถานุโยค ๑ ฯมีโทษดังนี้ คือกามสุขัลลิกานุโยค เป็นธรรมอันเลว เป็นเหตุตั้งบ้านเรือน เป็นของคนมีกิเลสหนาไม่ใช่ของคนอริยะคือผู้บริสุทธิ์ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์อัตตกิลมถานุโยค ให้เกิดทุกข์แก่ผู้ประกอบ ไม่ทำผู้ประกอบให้เป็นอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ฯมีคุณดังนี้ คือทำดวงตาคือทำญาณเครื่องรอบรู้ เป็นไปเพื่อความเข้าไปสงบ ระงับเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ดี เพื่อความไม่มีกิเลสเครื่องร้อยรัด ฯ

กุหลาบแดง๒๗. ก่อนจะทรงแสดงอริยสัจ ๔ พระพุทธองค์ทรงแสดงส่วนสุด ๒ อย่างแก่

ปัญจวัคคีย์ แต่ทรงแสดงอนุปุพพีกถาแก่ยสกุลบุตร เพราะเหตุไร

ตอบ เพราะปัญจวัคคีย์ได้ละกามออกบวชเป็นฤษีแล้ว ซึ่งบรรพชิตในครั้งนั้นหมกมุ่น

อยู่ในส่วนสุด ๒ อย่าง คืออัตตกิลมถานุโยค และกามสุขัลลิกานุโยค ฤษีปัญจวัคคีย์ติดอยู่ในอัตตกิลมถานุโยค จึงไม่จำต้องแสดงอนุปุพพีกถาเพื่อฟอกจิตให้สะอาดจากกาม แต่ยสกุลบุตรเป็นผู้เสพกามอยู่ครองเรือน กำลังได้รับความขัดข้องวุ่นวายจากกามอยู่ จึงทรงแสดงอนุปุพพีกถาฟอกจิตให้ห่างไกลจากความยินดีในกาม ควรรับธรรมเทศนาคืออริยสัจ ๔ เหมือนผ้าที่ปราศจากมลทิน ควรรับน้ำย้อมได้ฉะนั้น ฯ

กุหลาบแดง๒๘. สหายของพระยสะ ๔ คน ได้ออกบวชตามพระยสะ เพราะคิดอย่างไร

ตอบ เพราะคิดว่า ธรรมวินัยที่พระยสะออกบวชนั้นจักไม่เลวทรามแน่แท้ คงเป็น

ธรรมวินัยอันประเสริฐ คิดดังนี้จึงได้ออกบวช ฯ

กุหลาบแดง๒๙. บุคคลที่ท่านเปรียบด้วยดอกบัว ๔ เหล่า ได้แก่จำพวกไหนบ้าง พระพุทธองค์

ทรงแสดงอนุปุพพิกถาก่อนที่จะแสดงอริยสัจ ๔ เพื่อประโยชน์อะไร

ตอบ ได้แก่

ก) อุคฆฏิตัญญู คือ ผู้มีอุปนิสัยสามารถจะตรัสรู้ธรรมวิเศษโดยพลันพร้อมกันกับเวลาที่ท่านผู้ศาสดาแสดงธรรมสั่งสอนเปรียบด้วยดอกบัวพ้นน้ำ

ข) วิปจิตัญญู คือ ผู้ที่ท่านอธิบายขยายความแห่งคำที่ย่อให้พิสดารออกไป จึงจะตรัสรู้ธรรมวิเศษได้ เปรียบด้วยดอกบัวเสมอน้ำ

ค) เนยยะ คือ ผู้ที่พอจะแนะนำได้ คือพอที่จะฝึกอบรมสั่งสอนให้รู้และเข้าใจได้อยู่ เปรียบด้วยดอกบัวที่ยังอยู่ในน้ำ

ง) ปทปรมะ คือ ผู้แม้จะฟังและกล่าวและทรงไว้และบอกแก่ผู้อื่นซึ่งธรรมเป็น

อันมาก ก็ไม่สามารถจะตรัสรู้ธรรมวิเศษในอัตภาพชาตินั้นได้เปรียบด้วยดอกบัวที่เป็นภักษาแห่งเต่าและปลา ฯเพื่อฟอกจิตสาวกหรือผู้ฟัง ให้ห่างไกลจากความยินดีในกาม ควรแก่การรับฟังพระธรรมเทศนาให้เกิดดวงตาเห็นธรรม เหมือนผ้าที่ปราศจากมลทินควรรับน้ำย้อมได้ฉะนั้น ฯ

กุหลาบแดง๓๐. ความปรารถนาของพระเจ้าพิมพิสารข้อที่ ๕ ความว่าอย่างไร ความ

ปรารถนานั้นสำเร็จแก่พระองค์เมื่อไร ที่ไหน

ตอบ ความว่า “ขอให้ข้าพเจ้ารู้ทั่วถึงธรรมของพระอรหันต์” ฯสำเร็จบริบูรณ์ในวันที่ได้ฟังอนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔ ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโปรดจนได้ดวงตาเห็นธรรม ฯ

ที่ลัฏฐิวัน สวนตาลหนุ่ม ฯhttp---wallpaper-hit.blogspot.com 19

กุหลาบแดง๓๑. พระอุบาลีออกบวชพร้อมใครบ้าง ที่ไหน ท่านได้รับเอตทัคคะทางไหน

ตอบ พระอุบาลีออกบวชพร้อมกับ พระภัททิยะ พระอนุรุทธะ พระอานันทะ พระภัคคุ

พระกิมพิละ พระเทวทัต ที่อนุปิยนิคม ได้รับเอตทัคคะทางเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุ

ทั้งหลายผู้ทรงวินัย ฯ

กุหลาบแดง๓๒. จงแสดงใจความย่อของพระสูตรเหล่านี้

ก) อนัตตลักขณสูตร

ข) อาทิตตปริยายสูตร

ตอบ ก) พระสูตรที่ว่าด้วยลักษณะแห่งอนัตตา ใจความโดยย่อว่า รูป เวทนา สัญญา

สังขาร วิญญาณ ซึ่งรวมเรียกว่าขันธ์ ๕ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน

ข) พระสูตรที่ว่าด้วยสิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน ใจความโดยย่อว่า อายตนะภายในอายตนะภายนอก วิญญาณ สัมผัส และเวทนาที่เกิดแต่สัมผัส เป็นของร้อน ร้อนเพราะไฟคือความกำหนัด ความโกรธ ความหลง และร้อนเพราะความเกิด ความแก่ความตาย ความโศกร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ฯ

กุหลาบแดง๓๓. พระพุทธองค์ทรงประดิษฐานพระพุทธศาสนาที่ไหนเป็นแห่งแรก ทรงเห็นประโยชน์อะไรจึงทรงประดิษฐาน ณ ที่นั้น การที่พระพุทธองค์ทรงสามารถประดิษฐานพระพุทธศาสนาได้มั่นคงเพราะทรงสั่งสอนโดยอาการอย่างไรบ้าง (๔๖)

ตอบ ที่กรุงราชคฤห์ ฯเพราะทรงเห็นว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่บริบูรณ์มั่งคั่ง และมีศาสดาเจ้าลัทธิมาก ถ้าได้โปรดคนเหล่านี้ให้เกิดความเลื่อมใสได้แล้ว การเผยแผ่พระพุทธศาสนาก็สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะศาสดาเจ้าลัทธิต่าง ๆ นั้น ล้วนมีศิษยานุศิษย์มาก ผู้คนนับถือมาก ด้วยเหตุนี้ จึงทรงเลือกเมืองนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธศาสนาเป็นแห่งแรก ฯโดยอาการ ๓ อย่าง คือ

ก) ทรงสั่งสอนให้ผู้ฟังรู้ยิ่ง เห็นจริงในธรรมที่ควรรู้ควรเห็น

ข) ทรงสั่งสอนให้มีเหตุมีผลที่ผู้ฟังอาจตรองตามให้เห็นจริงได้

ค) ทรงสั่งสอนเป็นอัศจรรย์ที่ผู้ปฏิบัติตาม ย่อมได้รับผลโดยสมควรแก่การปฏิบัติ

กุหลาบแดง๓๔. พระอานนท์ได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะฟังโอวาทจากใคร ท่านผู้ให้โอวาทนั้นเลิศ

ทางไหน

ตอบ เพราะได้ฟังโอวาทจากพระปุณณมันตานีบุตรเถระ ฯเลิศในทางเป็นพระธรรมกถึก ฯland12

เกาะที่มีต้นปาล์ม๓๕. พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดชฎิล ๓ พี่น้องพร้อมบริวาร โดยบังเอิญหรือโดยตั้ง

พระหฤทัยไว้ก่อน มีหลักฐานสนับสนุนคำตอบนั้นอย่างไร

ตอบ โดยตั้งพระหฤทัยไว้ก่อน ฯมีหลักฐานปรากฏว่า ในครั้งที่ทรงส่งพระสาวก ๖๐ องค์แรกไปประกาศพระพุทธศาสนาในที่ต่าง ๆ ทรงมีพระดำรัสว่า “แม้เราก็จะไปยังตำบลอุรุเวลาเสนานิคม เพื่อจะแสดงธรรม” ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๓๖. พระกาฬุทายี และกาฬเทวิลดาบส เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าอย่างไร (๔๗)

ตอบ พระกาฬุทายี เป็นสหชาติกับพระพุทธเจ้า ก่อนบวชท่านเป็นอำมาตย์อยู่ในกรุง

กบิลพัสดุ์ พระเจ้าสุทโธทนะทรงส่งไปทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้เสด็จเยือนกรุง

กบิลพัสดุ์ แสดงธรรมโปรดพระประยูรญาติและพระองค์เอง เมื่อได้อุปสมบทแล้วจึง

ทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้เสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ได้สำเร็จตามพระราชประสงค์ ส่วน

กาฬเทวิลดาบสหรืออสิตดาบส เป็นนักบวชที่พระเจ้าสุทโธทนะให้ความเคารพมาก

เมื่อพระมหาบุรุษประสูติใหม่ ๆ ท่านทราบข่าวจึงเข้าไปเยี่ยม ได้เห็นลักษณะของพระ

ราชโอรสต้องด้วยตำรับมหาบุรุษลักษณะ มีความเคารพในพระราชกุมารเป็นอย่าง

มาก ลุกขึ้นกราบลงที่พระบาททั้งสองด้วยศีรษะตน เป็นบุคคลแรกที่ได้ทำนายพระ

ลักษณะ พยากรณ์เป็น ๒ คติ คือ ถ้าครองเพศฆราวาส จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มี

มหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นขอบขันฑสีมา หากครองเพศบรรพชิต จักตรัสรู้อนุตตรสัมมา

สัมโพธิญาณ เป็นศาสดาเอกของโลก ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๓๗. พระพุทธองค์ทรงแนะนำพระเถระองค์ใด ให้ปรารภความเพียรแต่พอประมาณ เพราะเหตุใดจึงทรงแนะนำเช่นนั้น

ตอบ พระโสณโกฬิวิสะ ฯเพราะพระโสณโกฬิวิสะ ทำความเพียรเดินจงกรมจนเท้าแตกก็ไม่อาจบรรลุมรรคผลได้ สมัยเมื่อท่านเป็นคฤหัสถ์ เป็นผู้ฉลาดเข้าใจในเสียงแห่งสายพิณ พระผู้มีพระภาคจึงทรงแนะนำว่า ในการดีดพิณนั้นจะต้องขึงสายพิณแต่พอดี เสียงพิณจึงจะไพเราะ หย่อนเกินไปหรือตึงเกินไปก็ไม่น่าฟัง ความเพียรก็เหมือนกัน ถ้าย่อหย่อนนัก

ก็เป็นไปเพื่อเกียจคร้าน ถ้าเกินไปนักก็เป็นเพื่อฟุ้งซ่าน จึงควรทำความเพียรแต่พอดี ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๓๘. พระอานนท์พุทธอุปัฏฐากได้ทูลขอพร ๘ ประการ ข้อสุดท้ายความว่าอย่างไร

ท่านได้รับการยกย่องจากพระศาสดาอย่างไรบ้าง ท่านมีเหตุผลที่ทูลขอพร๔ ข้อหลังว่าอย่างไร

ตอบ ความว่า ถ้าพระองค์เสด็จไปเทศนาเรื่องใดที่ไหน ซึ่งข้าพระองค์ไม่ได้ฟัง ขอ

พระองค์ตรัสบอกเทศนาเรื่องนั้นแก่ข้าพระองค์ ฯได้รับยกย่องว่า เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายด้วยคุณสมบัติ ๕ สถาน คือ เป็นพหูสูต ๑, มีสติ ๑, มีคติ ๑, มีธิติ ๑, เป็นพุทธอุปัฏฐาก ฯใน ๔ ข้อหลังนี้ ๓ ข้อแรก เพื่อจะป้องกันคนพูดว่า พระอานนท์บำรุงพระศาสดาไป

ทำไม เพราะพระองค์ไม่ทรงอนุเคราะห์แม้ด้วยกิจเท่านี้ ส่วนข้อสุดท้าย เมื่อมีคนถาม

ในที่ลับหลัง พระพุทธองค์ว่า ธรรมนี้พระองค์ทรงแสดงในที่ไหน ถ้าท่านบอกไม่ได้

เขาก็จะพูดได้ว่า ท่านไม่รู้แม้แต่เรื่องเท่านี้ ไม่ละพระศาสดาเที่ยวตามเสด็จอยู่ ดุจเงา

ตามตัวสิ้นกาลนาน เพราะเหตุอะไร ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๓๙. พระภัททิยเถระ มักเปล่งอุทานเนือง ๆ ว่า สุขหนอ ๆ ดังนี้ เพราะเหตุไร พระ

เจ้าโกรัพยะทรงปรารภกับพระรัฐบาลถึงเหตุให้บุคคลออกบวชว่าอย่างไร

ตอบ เพราะเมื่อก่อนท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ต้องจัดการรักษาป้องกันทั้งในวังนอกวัง

ทั้งในเมือง นอกเมือง จนตลอดทั่วอาณาเขต แม้มีคนคอยรักษาอย่างนี้แล้ว ยังต้องหวาดระแวง สะดุ้งกลัวอยู่เป็นนิตย์ ครั้นทรงออกบวชได้บรรลุอรหัตตผลแล้ว แม้อยู่ในที่ไหน ๆ ก็ไม่หวาดระแวง ไม่สะดุ้งกลัว ไม่ต้องขวนขวาย มีใจปลอดโปร่งเป็นดุจมฤคอยู่ จึงเปล่งอุทานเช่นนั้น ฯทรงปรารภเหตุวิบัติ ๔ ประการ คือ ความแก่ ๑, ความเจ็บป่วย ๑, ความเสื่อมจากโภคทรัพย์ ๑, ความเสื่อมญาติ ๑ ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๔๐. พระอัครสาวก ๒ รูปมีชื่อเรียกอะไรบ้าง เหตุไรจึงเรียกอย่างนั้น

ตอบ มีชื่อเรียก อุปติสสะ หรือสารีบุตร ๑ เรียก โกลิตะ หรือโมคคัลลานะ ๑ ที่

เรียกว่า อุปติสสะ เพราะเรียกตามโคตร ที่เรียกว่า สารีบุตร เพราะเป็นบุตรของนาง

สารีพราหมณี ส่วนที่เรียกว่า โกลิตะ เพราะเรียกตามโคตร ที่เรียกว่า โมคคัลลานะ

เพราะเป็นบุตรของนางโมคคัลลีพราหมณี ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๔๑. ครั้งพุทธกาล กุลบุตรผู้มีศรัทธาเลื่อมใสในพระศาสนาขออนุญาตบวชจาก

มารดาบิดา เมื่อไม่ได้รับอนุญาตก็เสียใจ จึงทำการประท้วง กุลบุตรผู้นั้นคือใคร

ประท้วงด้วยวิธีใด

ตอบ กุลบุตรนั้น คือ พระรัฐบาล ฯ ประท้วงด้วยวิธีนอนอดอาหารไม่ยอมลุกขึ้น ฯT180511_05C_r

เกาะที่มีต้นปาล์ม๔๒. พระอัสสชิแสดงธรรมแก่อุปติสสปริพาชกมีความว่าอย่างไร และมีผลอย่างไร

ตอบ มีความว่า “เย ธัมมา เหตุปปะภะวา เตสัง เหตุง ตถาคะโต เตสัญจะ โย นิโรโธ

จะ เอวัง วาที มหาสมโณติ” ซึ่งแปลเป็นใจความว่า ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคต

ตรัสเหตุแห่งธรรมนั้น และความดับแห่งธรรมนั้น พระมหาสมณะมีปกติตรัสอย่างนี้

มีผลคือ อุปติสสปริพาชกได้ดวงตาเห็นธรรมว่า สิ่งใดมีความเกิดเป็นธรรมดา ย่อมมี

ความดับเป็นธรรมดา ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๔๓. มีภาษิตอยู่บทหนึ่งว่า สัตบุรุษตั้งมั่นแล้วในสัจจะที่เป็นอรรถเป็นธรรม ดังนี้ข้อนี้ มีปฏิปทาของพระสาวกรูปใด ที่ให้สัญญาต่อกันไว้แล้วปฏิบัติตามสัญญานั้น เป็นตัวอย่าง จงเล่าเรื่องประกอบ

ตอบ มีปฏิปทาของพระสารีบุตร เป็นตัวอย่าง ฯเรื่องมีอยู่ว่า เมื่อครั้งที่ท่านและพระโมคคัลลานะยังไม่ได้อุปสมบท เคยให้สัญญากันว่า ใครได้โมกขธรรมก่อนจะบอกแก่กัน ต่อมาท่านพระสารีบุตรได้ฟังอริยสัจจกถาแต่สำนักพระอัสสชิแล้วได้ดวงตาเห็นธรรม จึงนำความนั้นไปบอกแก่พระโมคคัลลานะจนได้บรรลุธรรมเช่นเดียวกัน ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๔๔. พระพุทธดำรัสว่า “เราสรรเสริญความคลุกคลีด้วยประการทั้งปวงหามิได้แต่เรามิใช่ไม่สรรเสริญความคลุกคลีด้วยประการทั้งปวงเลย” ตรัสแก่ใคร ทรงหมายความว่าอย่างไร

ตอบ ตรัสแก่พระมหาโมคคัลลานเถระ ฯทรงหมายความว่า พระองค์ไม่ทรงสรรเสริญความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ทรงสรรเสริญความคลุกคลีด้วยเสนาสนะอันสงัด แต่มิได้สรรเสริญการหลีกเว้นจากหมู่คณะโดยเด็ดขาดเลย ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๔๕. “สิ่งทั้งปวงไม่ควรแก่ข้าพเจ้า ๆ ไม่ชอบใจทั้งหมด” เป็นคำพูดของใคร พระ

พุทธองค์ ตรัสตอบว่าอย่างไร

ตอบ เป็นคำพูดของทีฆนขะ อัคคิเวสสนโคตร ฯตรัสตอบว่า ถ้าอย่างนั้น ความเห็นอย่างนั้น ก็ต้องไม่ควรแก่ท่าน ท่านก็ต้องไม่ชอบความเห็นอย่างนั้น ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๔๖. ข้อความว่า เราจักไม่พูดคำซึ่งเป็นเหตุเถียงกัน ถือผิดต่อกัน พระศาสดาทรง

แนะนำใคร เพราะทรงเห็นโทษอย่างไร

ตอบ ทรงแนะนำพระมหาโมคคัลลานะ ฯเพราะว่า เมื่อคำซึ่งเป็นเหตุเถียงกันถือผิดต่อกันมีขึ้น ก็จะเกิดความคิดฟุ้งซ่าน ครั้นคิดฟุ้งซ่านแล้วก็จะเกิดความไม่สำรวม ครั้นไม่สำรวมแล้วจิตก็จะห่างจากสมาธิ ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๔๗. คำว่า “บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น” เปรียบด้วยปฏิปทาจริยาวัตรข้อใดของพระ

โมคคัลลานะ เจ้าศากยะได้ทูลขอพระศาสดาให้บวชอุบาลีภูษามาลาก่อนเพราะเห็น

ประโยชน์อันใด

ตอบ ข้อที่ท่านเป็นผู้ฉลาดในการแนะนำตระกูลที่ยังไม่เลื่อมใส ไม่ทำศรัทธาและโภค

ทรัพย์ของเขาให้เสีย เปรียบเหมือนแมลงผึ้งบินเที่ยวไปในสวนดอกไม้ ไม่ทำสีและ

กลิ่นของดอกไม้ให้ช้ำ ถือเอาแต่รสบินไปฉะนั้น ฯเพราะเห็นประโยชน์ว่า จักได้ทำการกราบไหว้ ลุกรับ ประนมมือและทำกิจที่สมควรอื่น ๆ แก่พระอุบาลีซึ่งเดิมเป็นคนรับใช้ เมื่อเป็นเช่นนี้จักละมานะความถือตัวได้ ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๔๘. พระศาสดารับสั่งให้ท่านพระมหากัสสปะทรงจีวรที่คฤหบดีถวายเป็นต้น แต่

ท่านมิได้ทำตาม เพราะเห็นอำนาจประโยชน์อะไร (๔๙) เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพาน

แล้ว ท่านเป็นกำลังสำคัญแก่พระพุทธศาสนาอย่างไร

ตอบ เพราะเห็นประโยชน์ ๒ อย่าง คือ การอยู่เป็นสุขในบัดนี้ของตน ๑, การ

อนุเคราะห์ประชุมชนในภายหลัง ๑ ประชุมชนในภายหลังทราบว่าสาวกของ

พระพุทธเจ้าไม่ประพฤติตนอย่างนั้น จักถึงทิฏฐานุคติ ปฏิบัติตามที่ตนได้เห็นได้ยิน

ความปฏิบัตินั้น จักเป็นไปเพื่อประโยชน์และสุขแก่เขาสิ้นกาลนาน ฯ

ท่านได้เป็นประธานทำสังคายนาเป็นครั้งแรก ฯT030511_07C_r

เกาะที่มีต้นปาล์ม๔๙. พระพุทธเจ้าตรัสสอนภิกษุให้ประพฤติตนในการเข้าไปใกล้ตระกูล โดยยก

พระมหากัสสปะเป็นตัวอย่างไว้อย่างไร

ตอบ ตรัสสอนไว้มาก โดยสรุปทรงสอนว่า ท่านพระมหากัสสปะมีความสำรวมระวัง

อย่างยิ่ง ทำตนเป็นผู้ใหม่อยู่เสมอ ไม่ลำพอง ไม่ติดข้อง วางเฉยกับอิฏฐารมณ์และ

อนิฏฐารมณ์ที่ประสบได้ทุกอย่าง ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๕๐. โอวาทปาฏิโมกข์ทรงแสดงที่ไหน เมื่อไร ข้อที่ทรงยกขันติขึ้นตรัสในโอวาท

ปาฏิโมกข์นั้น หมายความว่าอย่างไร

ตอบ ที่เวฬุวนาราม กรุงราชคฤห์ ฯ เมื่อวันเพ็ญเดือน ๓ ฯหมายความว่า ศาสนธรรมคำสอนของพระองค์เป็นไปเพื่อให้อดทนต่อเย็น ร้อน หิวกระหาย ถ้อยคำให้ร้าย ใส่ความ ด่าว่า และทุกขเวทนาอันแรงกล้าเกิดแต่อาพาธ ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๕๑. ผู้ได้นามว่า “ภัทเทกรัตตะ” ผู้มีราตรีเดียวเจริญ เพราะประพฤติเช่นไร พระเถระรูปใดได้รับยกย่องว่าเป็นผู้เข้าใจอธิบายเรื่อง “ผู้มีราตรีเดียวเจริญ” นี้ให้พิสดาร

ตอบ เพราะเป็นผู้มีความเพียร ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันกลางคืน อยู่ด้วยความไม่ประมาท ฯพระมหากัจจายนเถระ ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๕๒. ข้อความว่า “ขออย่าให้พระภิกษุทั้งหลายบวชบุตรที่บิดามารดายังไม่อนุญาต

ต่อไป” เป็นคำพูดของใคร มีความเป็นมาอย่างไร พระราหุลได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ เพราะได้สดับธรรมอะไร

ตอบ เป็นพระดำรัสของพระเจ้าสุทโธทนะ, มีความเป็นมาอย่างนี้ คือ เมื่อพระนันท

ราชกุมารพระโอรสทรงผนวช พระเจ้าสุทโธทนะทรงโทมนัสเป็นอันมาก ครั้นราหุล

ราชกุมารบวชแล้ว สิ้นผู้ที่จะสืบพระวงศ์ ยิ่งทรงโทมนัสมากขึ้น ทรงปรารภถึงทุกข์อัน

นี้ที่จะพึงมีแก่มารดาบิดาในตระกูลอื่นในเวลาเมื่อบุตรออกบวช จึงทูลขอพรนี้ ฯเพราะได้สดับพระโอวาทซึ่งสั่งสอนในทางวิปัสสนา คล้ายกับโอวาทที่ตรัสสอนพระญจวัคคีย์ ต่างกันแต่ทรงยกอายตนะภายนอกเป็นต้นขึ้นแสดงแทนขันธ์ ๕เท่านั้น ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๕๓. ธรรม ๓๗ ประการมีสติปัฏฐาน ๔ เป็นต้น มีมรรคมีองค์ ๘ เป็นที่สุด

เรียกชื่อว่าธรรมอะไรได้บ้าง เรียกอย่างนั้นเพราะเหตุไร

ตอบ เรียกชื่อว่า อภิญญาเทสิตธรรม เพราะเป็นธรรมที่พระองค์ทรงแสดงด้วยพระปัญญาอันยิ่ง และเรียกชื่อว่า โพธิปักขิยธรรม เพราะธรรมเหล่านี้เป็นฝักฝ่ายแห่งความตรัสรู้ ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๕๔. ปัญหาว่า “หมู่มนุษย์ในโลกนี้ คือ ฤษี กษัตริย์ พราหมณ์เป็นอันมาก อาศัยอะไร จึงบูชายัญบวงสรวงเทวดา” ใครเป็นผู้ถาม พระศาสดาทรงพยากรณ์ว่าอย่างไรตอบ ปุณณกมาณพ ฯทรงพยากรณ์ว่า “หมู่มนุษย์เหล่านั้นอยากได้ของที่ตนปรารถนา อาศัยของที่มีชราทรุดโทรม จึงบูชายัญบวงสรวงเทวดา ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๕๕. ปัญหาว่า “พระขีณาสพตายแล้วเป็นอะไร” ใครถามใคร พระศาสดาทรง

พยากรณ์ปัญหาจบลงแล้ว มีผลอะไรเกิดแก่มาณพ ๑๖ คน (๔๓)

ตอบ พระสารีบุตรถามพระยมกะ มีคำตอบว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณที่

ไม่เที่ยง ดับไปแล้ว ฯมีผลคือ มาณพ ๑๕ คน เว้นปิงคิยมาณพ ส่งใจไปตามพระธรรมเทศนา มีจิตหลุดพ้นจากอาสวะไม่ถือมั่นด้วยอุปาทาน ส่วนปิงคิยมาณพเป็นแต่ได้ญาณเห็นในธรรม ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๕๖. อุทยมาณพทูลถามว่า “โลกมีอะไรผูกพันไว้ อะไรเป็นเครื่องสัญจรของโลกนั้น

ท่านกล่าวกันว่า นิพพาน ๆ ดังนี้ เพราะละอะไรได้” พระศาสดาทรงพยากรณ์ว่าอย่างไร

ตอบ ทรงพยากรณ์ว่า โลกมีความเพลิดเพลินผูกพันไว้ ความตรึกเป็นเครื่องสัญจรของโลกนั้น ท่านกล่าวกันว่า นิพพาน ๆ ดังนี้ เพราะละตัณหาเสียได้ ฯ

๕๗. ก่อนที่ท่านพระโมฆราชจะมาเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา ท่านเคยเป็นศิษย์

ของใคร ผู้นั้นตั้งสำนักสอนอยู่ที่ไหน

ตอบ เป็นศิษย์ของพราหมณ์พาวรี ฯอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำโคธาวรี ที่พรมแดนแห่งเมืองอัสสกะและเมืองอาฬกะ ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๕๘. โมฆราชมาณพคิดจะทูลถามปัญหากะพระพุทธองค์ ๓ ครั้ง แต่มิได้ทูลถาม

เพราะเหตุไร

ตอบ ในครั้งที่ ๑ ไม่ได้ทูลถามเพราะเห็นว่าอชิตมาณพเป็นผู้ใหญ่กว่า จึงยอมให้ทูล

ถามก่อน ในครั้งที่ ๒ และ ๓ ไม่ได้ทูลถามเพราะพระพุทธองค์ตรัสห้ามไว้ ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๕๙. พระปุณณมันตานีบุตรเป็นชาวเมืองไหน ตั้งอยู่ในคุณธรรมอะไรบ้าง ใครถาม

ว่า “ท่านประพฤติพรหมจรรย์เพื่ออะไร” ใครตอบ ตอบว่าอย่างไร (๕๐,๔๓)

ตอบ ชาวเมืองกบิลพัสดุ์ ตั้งอยู่ในคุณธรรม ๑๐ ประการ คือ มักน้อย สันโดษ ชอบ

สงัด ไม่ชอบเกี่ยวข้องด้วยหมู่ ปรารภความเพียร บริบูรณ์ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา

วิมุตติ ความรู้เห็นในวิมุตติ ฯพระสารีบุตรเป็นผู้ถาม พระปุณณมันตานีบุตรเป็นผู้ตอบ และตอบว่า เราประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อความดับไม่มีเชื้อ ฯp02

เกาะที่มีต้นปาล์ม๖๐. พระเจ้าโกรัพยะตรัสถึงเหตุแห่งความเสื่อมที่จะให้คนออกบวช กะพระสาวก

รูปใด เหตุแห่งความเสื่อมนั้นได้แก่อะไรบ้าง

ตอบ กะพระรัฐบาลเถระ ฯเหตุแห่งความเสื่อมนั้นได้แก่ ความแก่ชรา ๑, ความเจ็บ ๑, ความสิ้นโภคทรัพย์ ๑,ความสิ้นญาติ ๑ ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๖๑. พระพุทธพจน์ว่า ทักษิณาอันบริจาคในสงฆ์ย่อมสำเร็จแก่ผู้ตายโดยฐานะนั้น

ท่านอธิบายไว้อย่างไร การที่ทักษิณาจะสำเร็จประโยชน์แก่ผู้ตายโดยฐานะนั้น ต้อง

พร้อมด้วยสมบัติอะไรบ้าง

ตอบ ท่านอธิบายไว้ว่า เปตชนผู้ไปเกิดในกำเนิดอื่น ทั้งที่เป็นทุคติ ทั้งที่เป็นสุคติย่อมเป็นอยู่ด้วยอาหารในคติที่เขาเกิด หาได้รับผลแห่งทานที่ทายกอุทิศถึงไม่ ต่อไปเกิดในปิตติวิสัย จึงได้รับผลแห่งทานที่อุทิศถึงนั้น ฯต้องพร้อมด้วยสมบัติ ๓ ประการคือ การบริจาคไทยธรรมแล้วอุทิศถึงของทายก ๑,ปฏิคาหกผู้รับไทยธรรมนั้นเป็นทักขิเณยยะ คือผู้ควรรับทักษิณา ๑, เปตชนนั้น ได้อนุโมทนา ๑ ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๖๒. พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนคฤหัสถ์ด้วยวิธี ๔ สถานนั้น ได้แก่อะไรบ้าง ในการ

สอนธรรมของพระพุทธองค์นั้น ทรงมีจุดมุ่งหมายอย่างไรบ้าง

ตอบ ได้แก่ ก) สันทัสสนา ชี้ให้ชัด ให้เห็นแจ่มแจ้งในสัมมาปฏิบัติ

ข) สมาทปนา ชวนให้ปฏิบัติ แสดงเหตุผลให้เห็นสมจริง

ค) สมุตเตชนา ให้อาจหาญ มีกำลังใจในสัมมาปฏิบัติ

ง) สัมปหังสนา ให้ร่าเริง แช่มชื่น ในการปฏิบัติตามธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฯอย่างนี้ คือ ก) เพื่อให้ผู้ฟังได้รู้เห็นในสิ่งที่ควรรู้ควรเห็น

ข) เพื่อให้ผู้ฟังใช้เหตุผลตรองตามจนเห็นจริง

ค) เพื่อให้ผู้ฟังนำไปปฏิบัติ และได้รับผลของการปฏิบัติตามสมควรแก่การปฏิบัติของตน ฯ

๖๓. อนาถบิณฑิกเศรษฐี มีนามเดิมว่าอะไร ท่านบรรลุคุณวิเศษอะไรใน

พระพุทธศาสนา

ตอบ สุทัตตะ ฯ โสดาปัตติผล ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๖๔. บิณฑบาตของนางสุชาดาที่ถวายก่อนแต่ตรัสรู้ และของนายจุนทะที่ถวายก่อนแต่เสด็จปรินิพพาน มีผลเสมอกัน มีวิบากเสมอกัน เพราะเหตุไร

ตอบ เพราะ ก) ปรินิพพานเสมอกัน คือสอุปาทิเสสปรินิพพาน และอนุปาทิเสสปรินิพพาน

ข) สมาบัติเสมอกัน คือทรงเข้าสู่สมาบัติ ๒๔ แสนโกฏิเสมอกันก่อนจะตรัสรู้และก่อนจะปรินิพพาน

ค) เมื่อบุคคลทั้ง ๒ ระลึกถึงการถวายบิณฑบาตของตน ก็บังเกิดปีติโสมนัสอย่างแรงกล้าเหมือนกัน ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๖๕. ถูปารหบุคคล ได้แก่บุคคลเช่นไร มีใครบ้าง (๕๑)

ตอบ บุคคลผู้ควรแก่การบรรจุอัฐิธาตุไว้ในสถูปเพื่อสักการบูชาด้วยความเลื่อมใส ฯมี พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑, พระปัจเจกพุทธเจ้า ๑, พระอรหันตสาวก๑, พระเจ้าจักรพรรดิราช ๑ ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๖๖. พุทธเจดีย์ มีกี่ประเภท อะไรบ้าง

ตอบ มี ๔ ประเภท คือธาตุเจดีย์ บริโภคเจดีย์ ธรรมเจดีย์ และอุทเทสิกเจดีย์ ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๖๗. อจลเจดีย์คืออะไร ตั้งอยู่ที่เมืองอะไร เกิดขึ้นเมื่อใด

ตอบ คือสถานที่เป็นที่ประดิษฐานแห่งบันไดแก้ว บันไดทอง บันไดเงิน ซึ่งทอดลงมา

จากดาวดึงสเทวโลก ฯ ตั้งอยู่ที่เมืองสังกัสสนคร ฯเกิดขึ้นในวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงสู่มนุษยโลกหลังจากเสด็จประทับจำพรรษาในดาวดึงสเทวโลกแล้ว ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๖๘. อันตรธาน ๕ อย่าง อย่างไหนสำคัญกว่า เพราะเหตุไร (๔๓)

ตอบ ปริยัติอันตรธานสำคัญกว่า เพราะปริยัติเสื่อมลงในกาลใด พระศาสนาย่อมเสื่อมถอยในกาลนั้น เมื่อปริยัติยังดำรงอยู่ตราบใด พระศาสนาก็ยังดำรงอยู่ตราบนั้นเพราะว่าปริยัติเป็นรากแก้วของพระศาสนา ปฏิบัติเป็นแก่น ปฏิเวธเป็นผล เมื่อรากแก้วขาดแล้ว แก่นและผลก็พลอยหมดไปตามกัน ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๖๙. พระพุทธดำรัสว่า “ดูก่อนสุภัททะ ถ้าภิกษุทั้งหลายเหล่านี้ จะพึงอยู่ดีอยู่ชอบ

แล้วไซร้ โลกก็จักไม่พึงว่างเปล่าจากพระอรหันต์ทั้งหลาย” ดังนี้ คำว่า “พระอรหันต์”

ในที่นี้ หมายถึงใคร โทณพราหมณ์ ได้กล่าวสุนทรพจน์ในวันแจกพระบรมสารีริกธาตุ

มีใจความย่ออย่างไร (๔๖)

ตอบ หมายถึงพระขีณาสวอรหันต์ ฯมีใจความย่อดังนี้

ก) พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญขันติธรรมและตำหนิในการที่จะทำสงครามกัน

ข) ชวนให้สามัคคีร่วมใจกัน โดยแบ่งส่วนพระบรมสารีริกธาตุเท่า ๆ กัน ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๗๐. จงแสดงใจความแห่งพระพุทธพจน์ที่ชี้ให้เห็นว่า พระอรหันต์ยังมีได้ตลอดเวลาที่บุคคลยังปฏิบัติชอบอยู่ ในสมัยพุทธกาล พระสาวกองค์ใดได้รับการอุปสมบทด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาเป็นองค์แรก และองค์ใดเป็นองค์สุดท้าย

ตอบ ใจความแห่งพระพุทธพจน์ที่ตรัสก่อนปรินิพพานกับสุภัททปริพาชกว่า “ดูก่อน

สุภัททะ ถ้าภิกษุทั้งหลาย ยังเป็นผู้ปฏิบัติชอบอยู่ โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์” ฯ

พระราธะเป็นองค์แรก พระสุภัททะเป็นองค์สุดท้าย ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๗๑. พระพุทธดำรัสว่า “ดูก่อนอานนท์ กำมืออาจารย์ในธรรมทั้งหลายไม่มีแก่พระตถาคตเจ้า” หมายความว่าอย่างไร พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญญาตัตถจริยา ด้วย

มีพระประสงค์อย่างไร

ตอบ หมายความว่า พระตถาคตเจ้าไม่ทรงมีข้อลี้ลับในธรรมทั้งหลายที่จะต้องปกปิด

ซ่อนไว้ แสดงได้แก่สาวกบางเหล่า มิได้ทั่วไปเป็นสรรพสาธารณ์ หรือจะพึงแสดงให้

สาวกทราบต่ออวสานกาลที่สุด ฯด้วยพระประสงค์จะให้พระญาติบริบูรณ์ด้วยสุข ๓ ประการ คือ มนุษยสุข ๑, ทิพยสุข๑, นิพพานสุข ๑ ทั้งที่ครองฆราวาส ทั้งออกบรรพชาในพระพุทธศาสนา ฯp02

เกาะที่มีต้นปาล์ม๗๒. จงอธิบายข้อความต่อไปนี้

ก) ทรงทำอายุสังขาราธิฏฐาน ข) ทรงปลงอายุสังขาร (๔๓)

ตอบ ก) ทรงทำอายุสังขาราธิฏฐาน หมายถึง ทรงตั้งพระหฤทัยจักอยู่แสดงธรรมสั่ง

สอนแก่มหาชน และตั้งพุทธปฏิธานใคร่จะดำรงพระชนม์อยู่ จนกว่าพุทธบริษัทจะตั้ง

มั่นและได้ประกาศพระศาสนาให้แพร่หลาย ประดิษฐานให้มั่นคงถาวรสำเร็จประโยชน์ แก่นิกรทุกหมู่เหล่า

ข) ทรงปลงอายุสังขาร หมายถึง ทรงกำหนดวันปรินิพพานนับแต่วันเพ็ญเดือน๓ ไปอีก ๓ เดือน คือ ปลงพระทัยว่าจะบำเพ็ญพุทธกิจต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๗๓. พระพุทธองค์ทรงรับสั่งกะพระอานนท์ถึงประโยชน์ของการสร้างสถูป แล้วอัญเชิญพระอัฐิธาตุบรรจุไว้ ณ ท่ามกลางหนทาง ๔ แพร่งแห่งถนนใหญ่ไว้อย่างไร

ตอบ ทรงรับสั่งไว้อย่างนี้คือ เพื่อเป็นปูชนียสถานให้มนุษย์ผู้สัญจรไปมา เกิดความ

เลื่อมใสศรัทธา ได้สักการบูชาด้วยระเบียบดอกไม้ของหอม อภิวาทกราบไหว้ทำจิตให้

เลื่อมใสในพระพุทธคุณ อันจักเป็นเหตุให้เกิดประโยชน์และความสุขตลอดกาลนาน ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๗๔. พระเจ้าสุทโธทนะทรงบรรลุพระโสดาปัตติผลด้วยพระธรรมเทศนามีใจความ

ว่าอย่างไร ทรงบรรลุอริยผลขั้นสูงสุดขั้นไหน

ตอบ มีใจความว่า ไม่พึงประมาทในบิณฑบาต พึงประพฤติธรรมให้เป็นสุจริต ผู้

ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้ทั้งในโลกอื่น ฯขั้นพระอรหัตตผล ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๗๕. พระยาวสวัตตีมาร ได้ทูลขอพระพุทธเจ้าให้เสด็จปรินิพพานกี่ครั้ง ที่ไหนบ้าง

เมื่อคราวที่มารทูลขอให้ปรินิพพานครั้งแรก พระองค์ทรงตอบมารว่าอย่างไร

ตอบ ได้ทูลขอพระพุทธเจ้าให้เสด็จปรินิพพาน ๒ ครั้ง คือครั้งแรกที่ใต้ต้นอชปาลนิโครธ ครั้งที่สองที่ปาวาลเจดีย์ ฯทรงตอบมารว่า “ดูก่อนมารผู้ใจบาป เมื่อใดพุทธบริษัท ๔ เป็นผู้ฉลาด เป็นพหูสูตสามารถดำรงพระธรรมวินัยสืบต่อศาสนาได้ สามารถแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ ให้สำเร็จมรรค ผล นิพพาน และเผยแผ่ศาสนาไปได้อย่างกว้างขวางมั่นคง เมื่อนั้นตถาคตจึงจะปรินิพพาน” ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๗๖. พระสาวกผู้ใหญ่ ๘๐ องค์ เท่าที่ปรากฏในหนังสือพุทธานุพุทธประวัติ มีองค์

ใดนิพพานก่อนและหลังพระพุทธองค์บ้าง จงบอกมาอย่างละ ๒ องค์ (๕๐)

ตอบ ผู้นิพพานก่อนพระพุทธองค์ คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ พระสารีบุตร

พระโมคคัลลานะ และพระราหุล ฯผู้นิพพานหลังพระพุทธองค์ คือ พระมหากัสสปะ พระอุบาลี พระอนุรุทธะพระอานนท์ ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๗๗. การทำสังคายนาครั้งที่ ๓ มีมูลเหตุจากอะไร ใครเป็นผู้อุปถัมภ์ พระสงฆ์

ผู้เข้าร่วมทำสังคายนามีจำนวนเท่าไร ใครเป็นประธาน ใช้เวลานานเท่าไร (๕๑)

ตอบ มีมูลเหตุจากพวกเดียรถีย์เป็นจำนวนมากปลอมบวชในพระพุทธศาสนา ฯ

พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ ฯ มีจำนวน ๑,๐๐๐ รูป ฯพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระเป็นประธาน ฯ ใช้เวลา ๙ เดือน ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๗๘. บุคคลต่อไปนี้ได้รับเอตทัคคะในทางใด

ก) พระอนุรุทธเถระ

ข) พระโสณโกฬิวิสเถระ

ค) พระรัฐบาลเถระ

ง) นางปฏาจาราเถรี

จ) นางกีสาโคตมีเถรี

ตอบ ก) ได้ทิพยจักษุญาณ

ข) มีความเพียรปรารภแล้ว

ค) บวชด้วยศรัทธา

ง) ทรงไว้ซึ่งวินัย

จ) ทรงไว้ซึ่งจีวรอันเศร้าหมอง ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๗๙. ภิกษุณีผู้มีชื่อต่อไปนี้ได้รับเอตทัคคะในทางไหน

ก) พระนางมหาปชาบดีโคตมี

ข) นางเขมาเถรี

ค) นางอุบลวัณณาเถรี

ง) นางปฏาจาราเถรี

จ) นางธัมมทินนาเถรี

พระสงฆ์เถรวาทในเมืองไทยไม่สามารถบวชภิกษุณีได้เพราะเหตุใด

ตอบ ก) ได้รับเอตทัคคะในทางรัตตัญญู

ข) ได้รับเอตทัคคะในทางมีปัญญา

ค) ได้รับเอตทัคคะในทางมีฤทธิ์

ง) ได้รับเอตทัคคะในทางทรงวินัย

จ) ได้รับเอตทัคคะในทางธรรมกถึก

เพราะมีพระพุทธานุญาตว่า “ภิกษุณีต้องบวชจากภิกษุณีสงฆ์ก่อน แล้วจึงบวชจาก

ภิกษุสงฆ์อีกครั้งหนึ่ง” เวลานี้ภิกษุณีสงฆ์ไม่มีแล้ว การที่จะบวชภิกษุณีจึงไม่สามารถ

ทำได้ ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๘๐. พุทธบริษัท ๔ คือใครบ้าง ผู้ตั้งอยู่ในเอตทัคคะทางพระธรรมกถึกของแต่ละ

ฝ่ายคือใคร

ตอบ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ฯ

ฝ่ายภิกษุ คือ พระปุณณมันตานีบุตรเถระ

ฝ่ายภิกษุณี คือ พระธัมมทินนาเถรี

ฝ่ายอุบาสก คือ จิตตคฤหบดี

ฝ่ายอุบาสิกา คือ นางขุชชุตตรา ฯ

เกาะที่มีต้นปาล์ม๘๑. จงระบุชื่อพระสาวกผู้ที่บวชด้วยเหตุต่อไปนี้

ก) บวชด้วยศรัทธา

ข) บวชเพราะจำใจ

ค) บวชตามเพื่อน

ง) บวชเพราะเห็นโทษของการครองเรือน

ตอบ ก) บวชด้วยศรัทธา คือ พระรัฐบาลเถระ

ข) บวชเพราะจำใจ คือ พระนันทเถระ

ค) บวชตามเพื่อน คือ พระวิมล พระสุพาหุ พระปุณณชิ พระควัมปติ

ง) บวชเพราะเห็นโทษของการครองเรือน คือ พระมหากัสสปเถระ ฯ

๘๒. พระบารมี ๑๐ ย่อมอบรมพระอัธยาศัยทำพระหฤทัยให้หนักแน่นจนสามารถ

พิชิตมารได้ พระบารมี ๑๐ นั้น มีอะไรบ้าง

ตอบ มี ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา ฯ

จบ

-------------

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons