วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การสวดมนต์และอุทิศบุญ

20121110_171420 การทำบุญสวดมนต์ไหว้พระ ถือเป็นการปฏิบัติโดยปกติวิสัยของทุกคนอยู่แล้ว แต่ทำบุญสวดมนต์ไหว้พระอย่างไร ให้เกิดผล การเงินการงาน ปัญหาอุปสรรคต่างๆที่ติดขัดได้เดินหน้าต่อไปอย่างปลอดโปร่ง รวมถึงช่วยให้คุณคลายความทุกข์เปิดรับแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต โดยให้คุณปฏิบัติตามเคล็ดลับวิธีการดังต่อไปนี้วันที่ 1 เลือกพระประจำตัว

สำหรับคุณที่ยังไม่มีพระองค์ใดเป็นพระประจำใจที่นับถือให้คุณลองเลือกด้วยตัวคุณเองว่าจะนับถือพระองค์ใด เพื่อเป็นพระประจำใจของคุณเองและหมั่นสวดมนตร์ ตอนเช้า-เย็น

วันที่ 2 ดูแลเจ้าที่เจ้าทางที่บ้าน

คุณต้องดูแลเจ้าที่เจ้าทางที่บ้านอย่างสม่ำเสมอบางคนอาจถวายผลไม้ น้ำทุกวัน หรือบางคนอาจถวาย ผลไม้ น้ำ เดือนละ 4 ครั้ง แล้วแต่สะดวก เพราะว่า เจ้าที่เจ้าทางที่บ้านถือเป็น รากฐานสำคัญของทรัพย์คุณ

วันที่ 3 กรวดน้ำให้พระแม่ธรณี

การทำบุญตักบาตรพระให้อธิฐานจิต ทุกครั้งก่อนใส่บาตรและกรวดน้ำให้พระแม่ธรณีรับรู้การทำบุญของคุณ(เวลาอธิฐานโปรดส่งเสียงดัง เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชอบให้พูดเสียงดังๆ)

วันที่ 4 ทำบุญและทำทานด้วย

เมื่อคุณใส่บาตรแล้วคุณต้องมีการทำทานกับขอทานหรือเพื่อนร่วมโลก แม้กระทั่งสัตว์ต่างๆ ถ้าเป็นช้างยิ่งดีเพราะคุณจะได้โชคเร็ว

วันที่ 5 หมั่นสวดคาถาแผ่เมตตา

เมื่อคุณไปทำงานพยายามสวดพุทธโธหรือสวดคาถาเสริมทรัพย์ต่างๆ เพื่อเรียกทรัพย์ หรือสวดคาถา แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด เพื่อให้คุณแคล้วคลาดจากศัตรู และพบกับมิตรที่ดี

วันที่ 6 ใส่เงินในกระปุกไปถวายวัด

หากคุณไม่คอยมีเวลาไม่สามารถทำบุญได้ทุกวัน ให้คุณเอาเงินใส่กระปุก อธิฐาน เมื่อเงินเต็มกระปุกแล้วให้นำไปถวายวัด

วันที่ 7 มองภาพสิ่งศักดิ์สิทธิ์สร้างพลังจิต

หากคุณมีเวลาว่างพยายามมองภาพพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือ พยายามจำให้ได้ทุกสัดส่วนเพราะจะเป็นการฝึกการใช้กระแสจิตเบื้องต้นให้กับคุณ

วันที่ 8 ดอกไม้บูชาพระ

ให้คุณหมั่นบูชาพระด้วยดอกไม้จะช่วยให้ชีวิตคุณดีขึ้น โดยเฉพาะเวลาคุณไม่สบายใจ การบูชาพระด้วยดอกไม้จะช่วยให้คุณสบายใจขึ้น

วันที่ 9 หมั่นทำบุญ ปฏิบัติธรรม

คุณควรหาเวลาว่างพยายามหมั่นทำบุญไหว้พระ ปฏิบัติธรรม หากคุณคิดว่าตอนนี้ชีวิตยังไม่มีอะไรดีมีแต่ความทุกข์ อย่าพึ่งท้อใจ ให้คิดว่า การทำบุญปฏิบัติธรรม คือ การหลุดพ้นแล้วสักวัน ชีวิตคุณจะดีขึ้นจากผลบุญของคุณเอง

วันที่ 10 ทำบุญให้สถานที่ต่างๆ

ให้คุณพยายามทำบุญให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดวงวิญญาณที่อยู่ที่สถานที่ที่คุณได้ไปติดต่อหรือมีผลประโยชน์ต่างๆแม้กระทั่งบุคคลที่ไปติดต่อ จะช่วยผูกจิตให้กับคุณโดยปริยาย คุณต้องพยายามอดทนเพื่อความสำเร็จในชีวิต ซึ่งจะช่วยให้ดีขึ้นในไม่ช้า

10 ข้อนี้ให้คุณนำไปสลับใช้ ภายใน 30 วัน คุณจะโชคดีขึ้นทรัพย์สินเงินทองไหลมาเทมาหมดทุกข์โศกโรคภัย แคล้วคลาดปลอดภัย และที่สำคัญจะช่วยให้คุณสบายใจขึ้นด้วย
มวลหมู่มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ตลอดจนในโลกทิพย์ล้วนต่างมีส่วนประสานสัมพันธ์ถึงกันและกันในเรื่องของกฎแห่งกรรมอยู่ตลอดเวลา ในช่วงแห่งการเวียนว่ายตายเกิดไปๆ มาๆ จะหาที่ไม่เคยได้เป็นเป็นญาติ ไม่ได้เคยเป็นเพื่อนไม่เคยได้เป็นเจ้ากรรม หรือนายเวรต่อกันนั้นย่อมไม่มีชีวิตของทุกผู้ทุกคนจึงล้นแล้วแต่มีส่วนสัมพันธ์ถึงกันและไม่มากก็น้อยทั้งในส่วนดีมากและในส่วนที่ดีน้อย ทั้งในส่วนเลวมากและในส่วนที่เลวน้อยทั้งในส่วนที่ทำให้เกิดความเคียดแค้นชังมากและในส่วนที่ทำให้เกิดความเคียดแค้นชิงชังน้อยรวมไปถึงทั้งในส่วนที่รักและ อุปการะมากอุปการะน้อยสุดแล้วแต่เหตุปัจจัยในช่วงนั้นๆ

การได้ดีหรือตกยากรวมไปถึงการเจ็บไข้ได้ป่วยของมวลมนุษย์และสัตว์ส่วนหนึ่งนั้นเกิดจากผลกรรม(การกระทำ)ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ และอีกส่วนหนึ่งนั้นได้รับเหตุปัจจัยกระทบจากสิ่งรอบข้างที่เกิดจากการปรุงแต่งจากตา หู จมูก ลิ้น กาย และจิตใจ ในขณะนั้น เรียกว่ากรรม(การกระทำ)ที่เกิดจากภายในและอีกส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทำของวิญญาณลี้ลับที่เรามองไม่เห็นเรียกว่าการกระทำที่เกิดจากภายนอกเช่น เหตุต่าง ๆ เกิดขึ้นจาก เทวดาช่วยเหลือ เทวดาให้โทษ ผีให้โทษหรือเจ้ากรรมนายเวรที่เคียดแค้นชิงชังให้โทษ ในคนทุก ๆ คน สัตว์ทุก ๆ ตัวต่างล้วนมีเทวดารักษาอย่างน้อย 1 องค์และเทวดาประจำตัวเหล่านี้ล้วนแหละที่มีอิทธิพลต่อเราอย่างคาดไม่ถึงเทวดาบางองค์ก็ชอบช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จหรือช่วยปกป้องคุ้มครองทำให้เรารอดพ้นจากภัยอันตรายที่น่าหวาดเสียวมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจซึ่งบางทีเราก็ยกให้เป็นความดีของวัตถุมงคลที่เราแขวนคอเสียก็มากมาย

เด็กเล็ก ๆบางคนถึงแม้ว่าไม่มีวัตถุมงคลแขวนคอเลย แต่ตกบ้านตกเรือนด้วยความซุกซนของเด็กคนนั้นแต่เด็กคนนั้นกลับไม่ได้รับอันตรายเพราะดูเหมือนว่ามีใครมาอุ้มไว้ก่อนตกถึงพื้นก็มีและคนบางคนไม่มีวัตถุมงคลติดตัวเลย แต่สามารถหลุดพ้นจากอุบัติเหตุหรือการถูกดักทำร้ายของศัตรูมาได้ราวปาฏิหาริย์ นั่นก็คือการได้รับการปกปักรักษาจากเทวดาประจำตัวเขาของเขานั่นเอง

20121107_091416 ถ้าพูดถึงเรื่องกฎของกรรม(กฎของการกระทำ)ทุกชาติทุกศาสนาต่างล้วนไม่มีใครปฏิเสธ เมื่อตนเองกำลังเกิดความเดือนร้อนกำลังได้รับความเครียด หรือแม้แต่กำลังทุกข์ทรมานในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือหลาย ๆเรื่อง ที่ตนเองจำต้องยอมทนอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง หลายๆ คนมักจะนึกจะคิดแต่เพียงว่าจะขอยอมรับชะตากรรมนั้น เพื่อหวังที่จะชดใช้ให้มันหมดเวรหมดกรรม(ผลของการกระทำเก่าๆ) จะได้จบๆ กันไปซะทีและการคิดเช่นนี้ดูจะเข้าทางตามหลักการยอมรับในกฎของกรรม(กฎของการกระทำ)แต่ดูเหมือนจะหยาบและมองดูให้ดีดูเหมือนนะปิดโอกาสและปิดช่องทางของตนเองอย่างสิ้นเชิง

แต่นี่พวกท่านทั้งหลายต่างล้วนให้เขาเลือกที่จะเล่นงานท่านอยู่ฝ่ายเดียวและต่างฝ่ายต่างก็ต้องเป็นทุกข์ด้วยกันทั้งคู่เขาก็มีความทุกข์กรุ่นอยู่กับความพยาบาทและความอาฆาต และเราก็ทุกข์ด้วย เวทนาเพราะเขาคอยจ้องแต่จะมาเล่นงานเราฝ่ายเดียวอย่างไม่ยอมเลิกราดูก่อนท่านทั้งหลายอย่ากระนั้นเลยเรามายอมรับกฎของกรรม(กฎของการกระทำ)แต่โดยดีในแบบฉบับที่เราต่างเลือกได้ด้วย “บุญกุศล”กันดีกว่านะครับคนเราล้วนต่างเคยสั่งสมบุญกุศลให้ทานกันมาแล้วด้วยกันทุกคน แม้ทั้งในชาติก่อนและกระทั้งในชาตินี้ถ้าเราจะนึกถึงบุญ มันก็เยอะมากจนจำกันไม่หวาดไม่ไหวแต่ด้วยเหตุว่าเราไม่รู้จักวิธีชำระหนี้แค้นที่ได้เคยทำเอาไว้กับเจ้ากรรมนายเวรเราต่างทำบุญไปและก็คิดกันไปว่าทำบุญแล้วต้องคอยรับผลบุญหลังจากตายไปแล้วจึงค่อยไปรับบุญในสรวงสวรรค์และต่างพากันเอาแต่บ่น ๆ ว่า บุญอะไรก็ทำมาหมดแล้วทุกอย่างแต่ทำไมชีวิตไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงดีขึ้นมาสักที

แล้วมันจะดีได้อย่างไรกันเล่าในเมื่อสักแต่ว่าทำบุญแต่ทำไม่เป็นกันเลย ทุกคนต่างถูกสอนสั่งกันมาอย่างผิดๆมัวแต่ไปรออุทิศบุญให้ตอนกรวดน้ำ อุทิศบุญผิดวิธีเจ้ากรรมนายเวรเขาก็เลยไม่ได้รับบางคนทำบุญแล้วก็ไม่เคยเผื่อแผ่บุญให้แก่เทวดาที่รักษาตัวเองเลยอีกทั้งยังไม่เคยอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรที่ตามจองเวรเขาเลยรวมทั้งไม่เคยที่จะอุทิศบุญให้เทวดาที่อาศัยอยู่ในเขตบ้านเขตเรือนของตนเองเลยตลอดไปจนถึงไม่เคยอุทิศบุญให้แก่เทวดาที่ดูแลรักษากิจการงานห้างร้านที่ตัวเองทำมาหากินเลยแถมยังไม่เคยแม้กระทั้งอุทิศบุญให้เทวดาที่รักษาเจ้านายของตัวเองอีกทั้งบาในบางครั้งที่ทำบุญการแผ่อุทิศบุญก็ไม่เฉพาะเจาะจงอีกว่าจะให้ใครหรืออาจอุทิศให้ในตอนที่แสงบุญหมดแล้ว และเทวดาเหล่านั้นในบางองค์อาจมีบุญน้อยมีฤทธิ์น้อยจึงไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรเราได้มากแต่ถ้าหากว่าเขาได้รับอานิสงส์บุญจากเราอย่างถูกวิธีบ่อยๆเข้าเขาจะกลายเป็นเทวดาที่มีฤทธิ์ มีอำนาจเขาสามารถที่จะช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จได้ดังใจหมาย

วิธีการทำบุญให้เกิดผลสำเร็จ

พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมคำสั่งสอนที่มาแห่งอำนาจบุญเอาไว้3 ประการ

1.อำนาจบุญที่เกิดจากการให้ทาน

2.อำนาจบุญที่เกิดจากการรักษาศีล

3.อำนาจบุญที่เกิดจากการภาวนาอบรมจิตใจ

ในการสร้างความดีในแต่ละครั้งความดีทั้งหลายต่างล้วนเป็นแหล่งของอำนาจบุญแม้ทั้งสิ้นและก่อให้เกิดพลังอำนาจแห่งอานิสงส์ที่สามารถสร้างความสำเร็จในชีวิตได้ทุกเรื่อง

อำนาจบุญอันเกิดจากการให้ทานเมื่อใดเราได้ให้ทรัพท์สิ่งของที่ดีแก่ใครไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง หรือญาติมิตรหรือแม้แต่เอาข้าวให้หมากิน เอาอาหารโยนให้ปลากิน เอาเศษอาหารไปโปรยให้มดกินขณะนั้นจะเกิดกระแสบุญกุศลเป็นแสงเรืองรองแผ่ออกจากตัวของผู้ให้ทันทีและเพียงไม่กี่วินาทีนั้นแสงนี้ก็จะพุ่งหายไปเบื้องบนแล้วไปสะสมเป็นกองบุญของผู้ให้อยู่บนเทวโลกหลักสำคัญที่สุดในขณะให้ทานของหลุดจากมือของผู้ให้ไปสู่มือของผู้รับไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามท่านที่เป็นผู้ให้ต้องรีบอธิษฐานจิตแผ่บุญในทันที อย่ามัวไปรออย่างเด็ดขาดเนื่องจากบุญจะอยู่กับท่านในตอนนั้นเพียงแค่ไม่กีวินาที หลังจากนั้นกระแสบุญได้เลือนจางหายไปอยู่ในสวรรค์ทันทีเพื่อคอยส่งผลบุญให้กับเราหลังจากเราได้ล่วงลับจากโลกนี้ไปแล้ว

คำแผ่บุญในทันทีหลังจากทำบุญ

20121109_085405 " ขออำนาจบุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาตัวฉันและขออำนาจบุญนี้บุญนี้จงเป็นของเจ้ากรรมนายเวรของฉัน ขออำนาจบุญนี้จงเป็นของเทวดาภูต-ผี-ปิศาจ-ครุฑ-นาค-ยักษ์ ที่สิงสถิตย์อยู่ในเคหะสถานเรือกสวนไร่นาและเคหะสถานบ้านเรือนของฉัน "

ผลบุญอันเกิดจากการภาวนาให้อธิษฐานก่อนดังเช่นว่า....ขออำนาจบุญที่จะเกิดจากการภาวนาดัต่อไปนี้ให้ถึงแก่เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ฉันเจ็บป่วย(เป็นโรคอะไร) หรือเราจะให้ใครก็ให้อธิษฐานเอาเองตามแต่เหตุการณ์หลังจากนั้นก็เริ่มภาวนาได้เลย หลังจากเลิกภาวนาก็ให้อุทิศบุญนี้ไปอีกครั้งหนึ่งงบุญที่เกิดจากการภาวนานี้จะมีพลานุภาพแรงยิ่งกว่าบุญจากการให้ทานด้วยวัตถุสิ่งของมาก

ด้วยเหตุนี้ เหล่าภูตผีชั้นต่ำมักจะรับผลบุญที่มีอำนาจสูงไม่ค่อยได้เราจึงจำเป็นที่จะต้องเปิดช่องไว้ก่อนภาวนาเขาจะได้เตรียมรับตามกำลังความสามารถของตนเองเพราะถ้าหากว่าจะให้ตอนที่ภาวนาเสร็จแล้วจึงจะให้ ก็เปรียบเหมือนว่าเราปล่อยน้ำที่พุ่งจากท่อดับเพลิงซึ่งน้ำรุนแรงมากแต่ผู้ที่เอาภาชนะมารับน้ำเขาเอาภาชนะที่ไม่เหมาะสมมารับเขาก็จะรับไม่ได้เนื่องจากว่ากำลังจิตของเขาไม่แข็งแรงพอและหากว่าเราได้อธิษฐานเปิดให้เขาเตรียมตัวไว้ก่อนแล้วก็เหมือนกับว่าเราได้เปิดก๊อกน้ำออกค่อยๆ ถ้าใครมีภาชนะน้อยก็สามารถเอามาตวงรับตามกำลังที่เขามีได้แต่ในส่วนของเทวดาบุญหนักศักดิ์ใหญ่ท่านเหล่านั้นล้วนสามารถรับบุญใหญ่หลังภาวนาได้อยู่แล้วเปรียบเหมือนว่าท่านมีโอ่งมีถังขนาดใหญ่เตรียมพร้อมเอาไว้แล้วสำหรับรองรับน้ำที่พุ่งจากท่อดับเพลิงนั่นเอง

อำนาจบุญที่เกิดจากการรักษาศีลในการทำบุญด้วยการตั้งใจรักษาศีลนั้นเป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้เกิดบุญกุศลขึ้นได้ด้วยเช่นกันทุกครั้งที่ท่านระลึกถึงศีลที่ตัวของท่านเองรักษาไว้ดีแล้ว และไม่ด่างพร้อยท่านก็สามารถอธิษฐานส่งบุญได้ว่า " ขออำนาจบุญที่ได้รักษาศีลนี้ จงถึงแก่.........(เอ่ยถึงใครก็ได้ที่เราต้องการจะให้เขาได้รับบุญ)..........."

แม้แต่ในการทำความดีทุกอย่างเช่น การพูดให้เขาได้สติ คิดดี พูดให้เขาช่วยเหลือคนอื่นการมีส่วนได้ทำประโยชน์ส่วนรวม เหตุเหล่านี้ย่อมก่อให้เกิดความปิติดีใจสิ่งเหล่านี้คือบุญ ให้ท่านรีบส่งบุญถึงผู้ที่ท่านต้องการให้ได้บุญในทันที

ปัญหาเคราะห์กรรมมากมายสามารถแก้ไขได้ด้วยอำนาจบุญ

ในท่านที่ทุกข์ทรมานด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆโรคภัยไข้เจ็บและปัญหาสุขภาพต่างๆที่เกิดกับทุกคนนั้นสืบเนื่องมาจากการกระทำของเจ้ากรรมนายเวรผู้มีความเคียดแค้นชิงชังพระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ใดชอบฆ่าสัตว์ย่อมอายุสั้นผู้ชอบเบียดเบียนสัตว์ย่อมมีสุขภาพไม่ดี และเหล่าเชื้อโรคร้ายแรงต่างๆที่มีอยู่ในร่างกายของมนุษย์และสัตว์ ต่างก็ล้วนแต่เป็นเจ้ากรรมนายเวรทั้งนั้นโรคภัยไขเจ็บที่เรื้อรังร้ายแรงการรักษาด้วยวิธีการกินยาหรือฉีดยาเข้าไปฆ่าทำลายเขา หรือแม้แต่การใช้พลังจิต-อำนาจสมาธิอย่างใดๆเข้าไปขับไล่เขา

การรักษาเหล่านั้นคือการรักษาที่ขาดเมตตาปราณีอย่างรู่เท่าไม่ถึงการณ์และในขณะเดียวกันก็ยิ่งทำให้เหล่าเจ้ากรรมนายเวรยิ่งทวีความพยาบาทเคียดแค้นชิงชังผู้ป่วยมากขึ้นไปอีกหลายโรคจึงหมดหนทางแก้ไขเยียวยา ผู้ป่วยมากมายต้องจมอยู่กับทุกข์เวทนาไปต่างๆ นานาคิดจะตายก็ไม่ให้ตาย อยากจะหายก็ไม่ให้หายทรัพย์สินที่มีอยู่ก็ต้องมีอันพินาศไปกับค่ารักษาพยาบาล ทุกข์ทั้งคนป่วยทุกข์ทุกข์ทั้งคนที่เป็นญาติ ๆ ทุกข์ทั้นคนที่เป็นบริวารและในที่สุดหลายรายต้องมีอันจบชีวิตลงไปอย่างน่าเสียดาย ทั้ง ๆที่ในแต่ละคนต่างมีทางเลือก ทั้ง ๆ ที่มีโอกาส ทั้ง ๆ ที่มีบุญอยู่ก็มากมายแต่เขาเหล่านั้นไม่รู้จักเรียกบุญเอามาชดใช้หนี้กรรมให้แก่เจ้ากรรมนายเวรนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้การเยียวยารักษาที่ถูกต้องและถูกวิธีคือการเรียกบุญที่เคยทำเอาไว้มากมายหลายชาติส่งไปให้เฉพาะเจาะจงแก่เจ้ากรรมนายเวรที่กำลังทำให้เขาเหล่านั้นเกิดอาการเจ็บป่วยการเรียกอำนาจบุญมาให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เราเจ็บป่วยจะทำให้เราหายจากอาการเจ็บป่วยได้เร็วขึ้น

วิธีการให้บุญแก้เจ้ากรรมนายเวรควรทำดังนี้เป็นตัวอย่างเช่น ผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดก็ให้เรียกอำนาจบุญมาและส่งบุญอย่างเฉพาะเพาะจงว่า ไ ขอบุญนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยมะเร็งตรงปอด  ฯลฯ(สุดแต่มะเร็งหรือเป็นอะไรก็ได้หรือโรคอะไรก็ได้ที่ท่านเป็นอยู่)พวกเชื้อมะเร็งนั้นเมื่อได้รับบุญของฉันแล้วขอให้เจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้นมีที่อยู่ในภพภูมิที่สูงขึ้น และขอให้จงหลุดจากภาวะชีวิตชั้นต่ำเดี๋ยวนี้ และเมื่อเราหายแล้วเราจะทำบุญส่งไปให้แก่พวกเจ้า เพื่อส่งชีวิตของพวกเจ้าให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆขอพวกเจ้าจงเลิกจองเวรจองกรรมในเราเสียเถิดและตั้งแต่นี้ต่อไปเราจะตั้งตนอยู่ในศีลในธรรมเราจะเลิกการเบียดเบียนเข่นฆ่าชีวิตสัตว์อื่น ๆเราขอส่งบุญที่เกิดจากการรักษาศีลแก่เจ้าด้วย "

และในท่านที่กลัดกลุ้มเรื่องบุตรหลานหรือบริวาร ต่างชอบสร้างแต่ความเดือดร้อน อีกทั้งยังสั่งสอนไม่ฟังถ้าเป็นแบบนี้ต้องให้เทวดาผู้รักษาตัวเขาเป็นผู้ขนาบตักเตือนและวิธีที่จะให้เทวดาตักเตือนนั้นเทวดาท่านจะสั่งการไปที่ความรู้สึกนึกคิดจิตใจของเขาโดยการดลจิตดลใจและถ้าเทวดาประจำตัวของเขาเป็นมิจฉาทิฏฐิ เมื่อได้รับบุญกุศลบ่อยๆเทวดาท่านจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในกายทิพย์ของตนเอง และมีชีวิตที่สุขสบายขึ้นอีกทั้งยังมีฤทธิ์อำนาจขึ้นและเขาจะทราบได้เองว่าสิ่งที่เขาได้รับนั้นมาจากใครที่ไหน และเมื่อเราอุทิศบุญให้ท่านก็ต้องอธิษฐานด้วยว่า " เมื่อเทวดาท่านได้รับบุญแล้วขอให้มีความสุข ๆมีกินมีใช้ มีเสื้อผ้าและที่อยู่อาศัยและขอให้เทวดาช่วยอบรมตักเตือนให้ลูกของข้าเป็นคนดีด้วยเถิด "
ดังนี้อีกไม่นานหรอกจะต้องเกิดเรื่องพิสดารขึ้นกับบุตรหลานที่เกเรคนนั้น จนมีอันต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นคนดีแน่นอน

ทุกครั้งที่เราทำบุญ ส่วนใหญ๋มักจะอธิษฐานกัน เพื่อหวังอยากได้ในสิ่งที่เราพึงปารถนา
การทำบุญแล้วอธิษฐานจึงเป็นสิ่งที่เราชาวพุทธมักทำคู่กันเป็นประจำ

มีคำถามว่า การอธิษฐานนั้น จะให้ผลจริงตามแรงอธิษฐานหรือไม่
คำตอบคือ ให้ผลได้จริง
เพราะคำว่า อธิษฐาน แปลว่า การจดจ่อแน่วแน่ของจิต จิตของคนเรามีพลานุภาพมาก
เมื่อจิตจดจ่อและตั้งมั่นอยู่ในเรื่องใดนานเข้า จิตจะสามารถน้อมนำสิ่งนั้นมาสู่เราได้

แต่สิ่งที่น้อมนำมานั้นเป็นวิบากคือผล ดังนั้นต้องสร้างเหตุก่อน
แล้วผลนั้นจะตามมา

ก่อนที่จะอธิษฐานจิต จึงต้องมีการทำบุญสร้างเหตุให้ดีเสียก่อน แล้วผลที่ดีจะตามมา
โดยอาศัยการอธิษฐานจิตเป็นเครื่องเหนี่ยวนำความต้องการของเรา

บางคนชาตินี้เกิดมามีฐานะยากจน มีชีวิตที่ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงตัวอง
อย่ายากลำบาก เมื่อได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมจึงเข้าใจเหตุและผลของกรรมและวิบากกรรม
จึงทำบุญเพื่อให้พบชาติต่อไป ได้เกิดมารวย มีอันจะกิน ไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องความเป็นอยู่อีกต่อไป

หรือบางคนเกิดมารูปร่างหน้าตาไม่งาม จึงทำบุญแล้วอธิษฐานจิตขอให้ชาติหน้าเกิดมาหน้าตาดี มีเสน่ห์

20121110_171507 บางคนชีวิตนี้ต้องพบกับปัญหาด้านความรัก ต้องทุกข์เพราะคนรัก หรือไม่สมหวังในความรัก
จึงทำบุญแล้วอธิษฐานจิต ขอให้ชาติหน้าได้พบคู่ครอที่ดี หรือสมหวังในความรัก

บางคนเกิดมาร่างกายไม่สมประกอบ ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำเค็ญ
จึงทำบุญแล้วอธิษฐานจิต ขอให้ชาติหน้าได้เกิดมามีร่างกาย
ที่สมประกอบครบ 32

บางคนชาตินี้ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง รักษาไม่หาย เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย
ทำให้รำคาญใจ และไม่มีความสุข จึงทำบุญแล้วอธิษฐานจิต ขอให้ชาติหน้าเกิดมามีสุขภาพร่างกายแข็งแรง

การอธิษฐานจิตดังกล้าวนี้ แทบจะเห็นกันอยู่เสมอๆ
ทุกครั้งที่ปุถุชนคนส่วนใหญ่มักอธิษฐานกัน

แต่ขอให้รู้ว่า การอธิษฐานเช่นนี้ เรียกว่า

"การอธิษฐานด้วยตัณหา"

ไม่ใช่เป็นการอธิษฐานที่ดีที่สุด เพราะคนที่ตั้งจิตอธิษฐานดังกล่าวนี้ เป็นอธิษฐานที่เจือด้วยกิเลส อยากได้ใคร่มี
เพราะเป็นอำนาจของความโลภ เพื่อหวังในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เพื่อสนองอัตตาของกิเลสของตนเองจึงไม่ได้ชื่อว่าเป็นการอธิษฐานที่ดีเลิศ
เพราะขึ้นชื่อว่ากิเลส ย่อมมีความมัวหมองในจิต

แต่การอธิษฐานอย่างไรจึงชื่อว่าเป็นการอธิษฐานที่ดีที่สุด

การอธิษฐานที่ดีเลิศคือ

"การอธิษฐานด้วยปัญญา"

ปัญญาคือการรู้แจ้งแทงตลอดในกลไกลของเหตุผลของสรรพสิ่งนั้นๆ

ผู้ที่เข้าใจชีวิตตามแนวทางคำสอนของพระพุทธองค์จะเห็นความจริงของสรรพสิ่งทั้งหลาย ว่าทุกอย่างล้วนเป็นมายา เพราะชีวิตและธรรมชาติทั้งหลายอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์
ทุกสิ่งล้วนไม่ยั่งยืน
ทุกสิ่งล้วนเป็นทุกข์
และทุกสิ่งไช่ตัวตน

แต่ผู้มีปัญญาน้อย หรือ ปัญญาทุรพล คือผู้ที่ไม่ได้เข้าใจหลักความจริงสากลของธรรมชาติ
จึงเกิดความไม่รู้ หรือ อวิชชา และ ปรุงแต่งไปทางบุญบ้าง บาปบ้าง และต้องวนเวียนเกิดเวียนตาย
เสพทุกข์ สุขไปตามแรงกรรม

ผู้ที่เห็นภัยในวัฎฎะ ผู้นั้นจึงขึ้นชื่อว่า ผู้มีปํญญาได้เห็นความจริงของมายาการ

จึงไม่ปารถนาต้องมาพบกับความแปรปรวนของทุกข์และสุขในสังสารวัฎฎ์อีกต่อไป จึงได้หมั่นทำบุญแล้ว
อธิษฐานจิตเพื่อจะไม่มาเกิดอีก จึงเรียกว่า การอธิษฐานด้วยปัญญา

ส่วนการอธิษฐานด้วยตัณหา เพราะเกิดจากความไม่เข้าใจในความจริงของสรรพสิ่งของผู้นั้นจึงยึดติดในกิเลส
และอุปทาน จึงทำไปด้วยอำนาจของกิเลสที่หวังในลาภ ยศ สรรเสิรญ สุขในทางโลก
แม้จะได้สิ่งที่ต้องการมา แต่ก็ไม่อาจอยู่กับผู้นั้นได้นาน
เพราะความแปรปรวนของสรรพสิ่ง และยิ่งเป็นการเพิ่มภพชาติให้มากขึ้น และทุกข์ก็ตามมามากขึ้นตามภพชาติที่เกิด

พระพุทธองค์ทรงตครัสว่า " การเกิดบ่อยๆเป็นทุกข์ "

เราลองมาสำรวจตัวเราเองกันเถิด ว่าที่ผ่านมาเราทำบุญแล้ว
อธิษฐานด้วยอำนาจแห่งตัณหา เพื่อให้สร้างภพสร้างชาติต่อไป
หรือ อธิษฐานด้วยปัญญา

หากผู้ใดเข้าใจในการความเป็นไปของชีวิตและเบื่อหน่ายในความแปรปรวนของสรรพสิ่ง
และการหลอกลวงด้วยภาพมายาชีวิตที่ไม่มีอยู่จริง
และพึงหวังสิ่งที่เลิศกว่า คือการไม่มาเกิดอีก

ขอให้ท่านนั้นจงตั้งจิตอธิษฐานดังนี้ทุกครั้งภายหลังจากทำบุญแล้ว

"ด้วยผลแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำแล้วในครั้งนี้ ( นึกถึงบุญที่เราทำ )
ขอให้เป็นเหตุปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้บรรลุมรรคผลนิพพาน
ในอนาคตกาลอันใกล้นี้เถิด

แต่หากข้าพเจ้ายังต้องเวียนว่ายตายเกิด
ทุกภพชาติที่จะต้องเกิด ขอให้ให้เกิดในครอบครัวผู้มีสัมมาทิฎฐิ
ขอให้ได้พบพระพุทธศาสานา ได้ฟังพระธรรมที่ถูกต้อง
ได้พบกัลยามิตรชี้ทางสว่างให้แก่ข้าพเจ้า
และได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมจนบรรลุธรรมชั้นสูงอันเป็นปัจจัยให้บรรลุมรรคผลนิพพาน ในอนาคตกาลอันใกล้นี้เถิด"

นี่คือการอธิษฐานที่ดีเลิศที่สุด ไม่มีส่วนใดเจือด้วยกิเลสเลย
ลองมาวิเคราะห์คำอธิษฐานนี้ดู

ขอให้เป็นเหตุปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้บรรลุมรรคผลนิพพานในอนาคตกาลอันใกล้

การเดินทางของชีวิต มีจุดหมายคือการพ้นทุกข์ เป้าหมายของเราคือการเข้าถึงพระนิพพาน
และ ในอนาคตกาลอันใหล้ เพื่อระบุให้ภพชาตินั้นไม่ยืดยาว เพื่อความทุกข์ต่างๆจากภพชาติจะได้สั้นเข้าไปอีก

แต่หากข้าพเจ้ายังต้องเวียนว่ายตายเกิด
ทุกภพชาติที่จะต้องเกิด ขอให้ให้เกิดในครอบครัวผู้มีสัมมาทิฎฐิ

หากเรายังไม่บรรลุธรรมชั้นสูง แน่นอนว่ายังต้องกลับมาเกิดอีก
แต่การเกิดนั้น หากไปเกิดในครอบครัวของผู้ที่ไม่เลื่อมใส ศรัทธาในพระพุทธศาสนา อาจทำให้เราเดินทางผิดได้ เพราะครอบครัวนั้นอาจไม่เชื่อเรื่องเวร
เรื่องกรรม ไม่ทำบุญ หรือซ้ำร้ายอาจทำทุจริตเห็นผิดเป็นชอบ เราอาจถูกสอนให่ทำไปตามนั้น ซึ่งนำมาซึ่งโทษภัยได้

ดังนั้นการอธิษฐานเพื่อให้เกิดในครอบครัวผู้มีสัมมาทิฎฐิ เป็นเครื่องช่วยให้เราดำเนินชีวิตในทางที่ถูกต้อง
เพราะสัมมาทิฎฐิหรือความเห็นที่ถูกต้อง หรือความเข้าใจธรรมที่ถูกต้อง เป็นประตูด่านแรกแห่งการเดินทางสู่ทางพ้นทุกข์ สัมมาทิฎฐิจึงเป็นประธานของ มรรค 8 นั่นเอง
เมื่อมีสัมมาทิฎฐิ แล้วสัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา และอื่นๆจะตามมา

ขอให้ได้พบพระพุทธศาสานา ได้ฟังพระธรรมที่ถูกต้อง

การอธิษฐานเพื่อให้ได้พบพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ประเสริฐมาก
คำสอนของพระพุทธองค์ เป็นเครื่องชี้ทางให้เราพ้นทุกข์ได้

การได้ฟังธรรมที่ถูกต้องนั้นเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดของการเดินทางสู่การพ้นพทุกข์
เพราะ แม้ว่าเราจะได้พบพระพุทธศาสนา แต่หากได้ฟังธรรมมาผิดๆ จะทำให้เราเดินผิดทางได้

ได้พบกัลยามิตรชี้ทางสว่างให้แก่ข้าพเจ้า

20121110_180551 การได้พบกัลยาณมิตรหรือผู้รู้ธรรม
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าเป็นมงคลสูงสุดของชีวิต
เพราะกัลยาณมิตรจะคอยแนะนำทางที่ถูกที่ควรให้เรา

ในมงคล 38 ประการ ข้อที่สำคัญที่สุดคือ มงคลข้อที่ 1
"อเสวนา จะพาลานัง ปัณฑิตา ณัญจะ เสวะนา”"

อย่าคบมิตรชั่ว ให้คบแต่กัลยานมิตร หรือคบผู้รู้

และได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมจนบรรลุธรรมชั้นสูงอันเป็นปัจจัยให้บรรลุมรรคผลนิพพาน ในอนาคตกาลอันใกล้นี้เถิด

การได้ฟังธรรมที่ต้องแล้วยังไม่พอ ต้องฎิบัติธรรมจนบรรลุด้วย
จึงจะขึ้นชื่อว่าได้เข้าถึงปัญญาในการรู้แจ้งแทงตลอดอย่างสมบูรณ์

แล้วคำถามว่า ถ้าเราอธิษฐานด้วยปัญญาแล้ว เงินทอง ลาภ ยศ สรรเสริญจะเกิดกับเราหรือไม่
คำตอบคือ เราได้รับแน่อนอนอยู่แล้วแม้ว่าจะไม่ได้อธิษฐานถึงสิ่งเหล่านี้
เพราะสร้างเหตุไว้อย่างไร ผลที่ได้รับย่อมตรงตามเหตุนั้น

ดังนั้นการทำบุญครั้งต่อไป ควรอธิษฐานด้วยปัญญากันได้แล้ว

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons