วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กฏ ๘ ข้อสู่การเป็นไฮโซตัวจริงby Dhammasarokikku

521446_483803911645067_939066564_n

 

ในฐานะที่เคยเฉียดเข้าไปในวงการไฮโซแบบบ้าน ๆ อยู่บ้างในอดีต และได้ศึกษาชีวิตประจำวันของบุคคลไฮโซระดับประเทศ และระดับโลกมาบ้างแล้ว วันนี้ขอแอ๊บเนียนแนะวิธีทำให้บุคคลธรรมด๊าธรรมดาอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ขึ้นเป็นไฮโซได้อย่างไม่ยากเย็น

กฏข้อที่หนึ่งของไฮโซตัวจริง "กริ๊บ"

ประการแรกเลยที่คนเราจักตัดสินว่า ไผเป็นไฮโซตัวจริง ตัวปลอม ก็ต้องดูจากรูปกายภายนอก ข้าวของเครื่องใช้เขาหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งบางทีการจักเป็นไฮโซหรือไม่ ก็ขึ้นกับระดับสติปัญญาของผู้ประเมินด้วย สำหรับข้าพเจ้ามีเพื่อนซึ่งคนทั่วไปในสังคมให้การยอมรับว่า เขาเป็นไฮโซ อยู่หลายคน เลยสังเกตเห็นข้าวของเครื่องใช้ของพวกเขาอยู่เป็นประจำ

ผู้ประเมินบางคนแค่เห็นเขาใช้ของราคาแพง ก็ยกให้เขาเป็นไฮโซแล้ว ความจริงความเป็นไฮโซมีกระไรมากกว่านั้นครับ ข้าพเจ้าสังเกตเห็นจุดร่วมของบุคคลไฮโซเท่าที่เคยสัมผัสมา ไม่ว่าระดับบ้าน หรือระดับจักรวาล ท่านทั้งหลายเหล่านั้น "สะอาด" ครับ "กริ๊บ" ไปหมดไม่ว่าสิ่งใดรอบกาย

ข้าวของเครื่องใช้ทั้งหลายจักถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย "เนี้ยบ" ไปเสียทุกกระเบียดนิ้ว ฉะนั้นอยากเป็นไฮโซตัวจริงเสียงจริง เรามาเริ่มต้นด้วยความสะอาดเรียบร้อยก่อนเลยครับ

ไฮโซระดับบ้าน ๆ สะอาดแค่ข้าวของเครื่องใช้ แต่ระดับสูงขึ้นไป สะอาด "กริ๊บ" ลงไปถึงจิตใจทีเดียว

กฎข้อที่สองสู่การเป็นไฮโซ คือ "ถ่อมตัว" และ "พูดจาสุภาพระรื่นหู"

540184_134784163322360_100003723300467_154123_335382874_n ไฮโซตัวจริงจักรู้ดีครับว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือมาม่ายังมีไวไว ฉะนั้นไฮโซตัวจริงเขาจักไม่แสดงตัวหรอกครับว่า เขารวยระดับไหน เพื่อนไฮโซของข้าพเจ้าบางคน ประหยัดจนแทบเป็นกระยาจก เพื่อน ๆ ต่างคิดว่า ที่บ้านเขาคงยากจนมาก จนได้ไปเที่ยวบ้านเขาสักที จักทราบว่า มิได้เป็นเช่นนั้นเลย

คนที่ติดดินนั้น บางทีมีบางอย่างมากกว่าความประหยัดเสียอีก คือมี "ความคิด" บางทีเขาต้องการวิเคราะห์บุคคลที่เข้ามาคบหาด้วย บุคคลที่อวดรวยอวดมั่งอวดมี (มักมีปมด้อยคือขาดคนยอมรับตั้งแต่เด็กแถมมาด้วย) สุดท้ายเพื่อนที่เข้ามาในชีวิตก็เป็นเพียงเพื่อนกินที่สนใจแต่ทรัพย์สินของเขา

แปลกแต่จริงที่คนเรายิ่งคุยโม้โอ้อวดเท่าไร ก็ยิ่งมีคนหมั่นไส้มากเท่านั้น กลับกันยิ่งถ่อมตัวลงต่ำเท่าไร ก็ยิ่งมีคนยกย่องมากขึ้นเท่านั้นเช่นกัน

อีกประการหนึ่ง ไฮโซตัวจริงหน่ะ เขาใช้ของเริ่ดจนกลายเป็นของธรรมดาสำหรับเขาไปแล้ว ส่วนไฮโซปลอมนั้น มีของเริ่ดสักอย่างก็ต้องอวดแล้วอวดอีก จริงไม่จริง?

การเป็นไฮโซขั้นต้น ก็เพียงแค่ไม่คุยโม้โอ้อวดเท่านั้นเอง ไม่ยากเลยใช่ไหม?

ผู้ที่คิดว่า ตนเป็นไฮโซบางคนด่าผู้อื่นออกอากาศว่า "อีด๊วกกกก...." สำนวนมีมาแต่โบราณแล้วว่า สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล คำด่าประเภทนี้ไม่มีวันออกจากปาก หรือปลายนิ้วที่พิมพ์ลงบนแป้นพิมพ์ของไฮโซ ผู้ดีที่ไหน มีแต่ออกจากปากกะเทยสถุล และชนชั้นไพร่ไร้สกุลเท่านั้น มันอาจจักสนุกปาก สะใจทั้งผู้เขียน ผู้อ่าน แต่ขณะเดียวกันมันก็เผยความถ่อยของผู้เขียนด้วย

เพื่อนของข้าพเจ้่าคนหนึ่ง คุยกับเพื่อนกับฝูงใช้คำว่า "ผม" "คุณ" ตลอด ใคร "กู" ใคร "มึง" มา เธอก็ใช้สรรพนามสุภาพเช่นเดิม สุดท้ายเพื่อน ๆ ก็ให้การยอมรับ และเปลี่ยนสรรพนามเป็น "ผม" "คุณ" เวลาสนทนากับเพื่อนคนนี้

ฉะนั้นปิยวาจา หรือวาจาสุภาพอ่อนหวานเรียบร้อย จึงเป็นกฎเหล็กอีกข้อหนึ่งของผู้ที่ต้องการเป็นไฮโซทีเดียว

กฎข้อที่สามของการเป็นไฮโซตัวจริง คือ "รู้จักใช้เงิน" และ "รู้จักประมาณ"

ไฮโซระดับบ้าน ๆ ที่ข้าพเจ้าเคยรู้จักมีโตโยต้าเก่า ๆ เป็นรถประจำตำแหน่งครับ ในขณะเดียวกันก็มีรถหรูไว้ออกงานสังคม แต่มักจอดไว้ ไม่ได้ใช้งาน

ข้าพเจ้าพบว่า ยิ่งไฮโซมากเท่าไหร่ ข้าวของเครื่องใช้แทนที่จักแพงขึ้น หรูขึ้น กลับถูกลง จนบางทีกลายเป็นของพื้น ๆ ฉะนั้น "ราคา" ของสิ่งของเครื่องใช้รอบกาย บอกระดับความไฮโซของผู้ใดผู้หนึ่งไม่ได้ครับ

และเมื่อพิเคราะห์ลงไปถึงการตัดสินใจซื้อของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไฮโซระดับบ้าน ๆ ที่เอาแต่ใจ มักจักคำนึงถึงความพอใจตนเองเป็นหลัก ราคาเป็นเรื่องรอง ๆ ลงไป บางทีก็มีความเป็น "ตัวฉัน" ประกอบลงไปด้วยในการตัดสินใจเลือกใช้ของอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่จุดร่วมที่ไฮโซทุกระดับคำนึงถึงมาก คือ "ประโยชน์การใช้สอย" ครับ รถหรูบางครั้งจึงไม่ได้ซื้อมาเพื่อประดับฐานะอวดมั่งอวดมี แต่มีไว้ใช้ทำธุรกิจ ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่า สังคมนักธุรกิจเมืองไทยยังคงมองกันที่เครื่องประดับนอกกาย 

ไฮโซตัวจริงเสียงจริงที่มาจากตระกูลสูงศักดิ์มีอยู่เพียงติ่งเดียวในสังคมครับ ไฮโซบ้าน ๆ ตัวจริงส่วนใหญ่ในสังคม มักมาจากน้ำพักน้ำแรงของบรรพบุรุษ หรือพ่อแม่ ความประหยัด มัธยัสถ์ อดออม จึงมักถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่ก็มีบ้างที่เจือจางไป บุคคลที่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ทราบไว้เลยว่า ท่านกำลังลดระดับความไฮโซของตัวท่านเอง

และเท่าที่พบมา ไม่ว่าจักเป็นไฮโซรวยล้นฟ้าขนาดไหน เขาก็รู้จักประมาณครับ ข้าวของเครื่องใช้แม้ว่าเขาจักใช้ของแพง และตามใจตัวเองขนาดไหน แต่พอแพงถึงระดับหนึ่ง เขาก็จักไม่ใช้เงินเกินตัวครับ

ผู้ที่ใช้เงินเกินตัว แม้จักใช้ของแพงระยับ โปรดทราบไว้ด้วยว่า ท่านไม่อยู่ในข่ายไฮโซแต่อย่างใด กลับอยู่ในข่ายพวกโลโซที่สุดท้ายมีหนี้สินล้นพ้นตัวมากกว่า

ข้อนี้มีภาษาบาลีด้วย เรียกว่า "มัตตัญญุตา"

หมายเหตุ : ของประณีตบางอย่าง ก็มิได้แพงเลยครับ

กฎข้อที่สี่สู่การเป็นสมาชิกสังคมชั้นสูง คือ "กตัญญูกตเวที" และ "พึ่งตนเอง"

ข้อนี้ใครรู้ใครเห็นก็มีแต่ให้คำสรรเสริญครับ หากท่านกตัญญู และกตเวทีแล้วไซร้ มิเพียงท่านจักกลายเป็นไฮโซรสแซ่บในชั่วข้ามคืน แต่ท่านจักได้เป็น "คนดี" แถมท้ายด้วย เพราะ นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญู กตเวทิตา ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี

246507_3356535344825_271184266_n เราสามารถเริ่มต้นเป็นไฮโซได้ง่าย ๆ ด้วยการตื่นมาก็เก็บที่นอนให้เรียบร้อย ไม่ต้องให้ผู้อื่นมาเก็บให้ ห้องน้งห้องน้ำห้องหลับห้องนอนทำความสะอาดจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยตนเองเสียบ้าง คุณหนูบางคน ตื่นปุ๊บก็ลุกไปทำกิจวัตรประจำวันเลย ทิ้งที่นอนไว้ให้เด็กรับใช้ หรือบางทีคุณพ่อคุณแม่เก็บให้ อย่างนั้นไม่เรียกว่า "ไฮโซ" ครับ เรียกคุณหนูไร้ระเบียบ หรือคุณหนูเนรคุณใช้งานคุณพ่อคุณแม่ คุณหนูบางคนอ้างว่า ก็คุณพ่อคุณแม่ทำให้เองตั้งแต่เธอยังเล็ก ท่านก็ทำเรื่อยมา เป็นหน้าที่ของท่านมิใช่หรือ? อย่างนั้นเรียกว่า คุณหนูไร้สำนึกครับ ยุคนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อสู้กับพิษเศรษฐกิจ บางทีไม่มีเวลามาสอนให้เราคิดหรอก หรือบางทีท่านถือว่า สิ่งเหล่านี้มันต้องมาจากจิตสำนึกของตัวลูกเอง มาพูดให้ลูกทำกระไรให้ตัวเองมันรู้สึกปูเลี่ยน ๆ ฉะนั้นเป็นหน้าที่ของเหล่าลูก ๆ ครับ ต้องมีจิตสำนึกในคุณของท่านเอง ไม่ต้องรอให้ใครมาบอก

ไฮโซที่ข้าพเจ้ารู้จัก มักช่วยเหลือดูแลตัวเองอย่างที่สุดครับ งานการที่จักหลงเหลือไปที่เด็กรับใช้ ส่วนใหญ่ก็เป็นงานที่เกินความสามารถ เช่น ทำอาหาร

ยิ่งไฮโซที่ไปเรียนเมืองนอก กลับมาทำเองแทบทุกอย่างครับ

หมายเหตุ : กตัญญู แปลว่า รู้คุณท่าน

กตเวที แปลว่า แทนคุณท่าน

ไม่มีสังคมไฮโซที่ไหนจักต้อนรับคุณลูกเนรคุณทั้งหลาย ผลาญเงินคุณพ่อคุณแม่อย่างไม่ยั้งคิด นอกจากสังคมไฮโซจอมปลอมของคนรวยขี้อวด พิจารณาดูดี ๆ ครับว่า อยากเป็นไฮโซแบบไหน

กฎข้อที่ห้าของชาวไฮโซ คือ "ใจบุญสุนทาน" ชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ครับ

อันนี้ดูไม่ยาก ดูดารานักแสดงในฮอลลีวู๊ด หรือแวดวงไฮโซเมืองไทย ก็ไม่ต่างกัน เป็นลักษณะร่วมของคนที่มีทรัพย์มากจนเหลือใช้ ก็เริ่มเมียงมองหาช่องทางช่วยเหลือสังคม เราก็ไม่ต้องไปซื้อโต๊ะงานกาล่าดินเนอร์ที่ไหนหรอก ก็แค่เริ่มเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ ช่วยเหลือเขาบ้างตามสมควร ตามกำลังที่เราทำได้ เห็นหรือยังครับ เป็นไฮโซไม่เห็นยาก

กฎข้อที่หกสู่ความเป็นไฮโซแท้ คือ "เป็นตัวของตัวเอง" ไม่สนใจโลกธรรม ๘ มากนัก จิตใจเข้มแข็ง หนักแน่น และคงเส้นคงวา

ไฮโซที่ข้าพเจ้ารู้จัก ไม่อินกระแสมากนักครับ มีความเป็นตัวของตัวเองสูงพอสมควร และไม่ค่อยแคร์สายตาใคร คนที่ยังไม่กล้าใช้สิ่งนั้นสิ่งนี้ ไม่กล้าทำความดี เพราะกลัวคนนินทาว่าเป็นนางเอก ว่าหล่อเหลือเกิน คำสรรเสริญนินทายังมีอิทธิพลต่อจิตใจมาก นั่นยังไม่ใช่ไฮโซแท้ครับ

ไฮโซที่ข้าพเจ้ารู้จัก มีจิตใจเข้มแข็ง ไม่หวั่นต่ออุปสรรคใด ๆ ลงได้ตั้งใจจักทำแล้ว ต้องทำให้สำเร็จจนได้ มีความมั่นคงทางอารมณ์สูง ทำสิ่งไรก็หนักแน่นไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา คนที่ยังตามกระแส โลเลตัดสินใจกระไรไม่ลง ก็ยังเป็นเสก โลโซ อยู่นั่นเอง

ข้อนี้อาจจัดเข้าอยู่ใน "อัตตัญญุตา" เป็นผู้รู้จักตนก็ได้กระมัง

กฎข้อเจ็ดแห่งการเป็นผู้ดี คือ "รักษาเวลา" รู้จักบริหารเวลา

ไฮโซที่ข้าพเจ้าได้รับรู้ชีวิตประจำวันของท่านมา บริหารเวลาได้สุดยอดครับ ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต ยังสามารถเจียดเวลามาฟังศึกษาธรรมะได้ ใครที่ยังอ้างว่า "ไม่มีเวลา..." ยังไม่ใช่ไฮโซแท้ครับ

อีกประการหนึ่ง คือไฮโซแท้ตรงเวลามากครับ เรื่องเวลาเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเขา เพราะเวลาทุกวินาทีนั้นมีค่า ผ่านแ่ล้วผ่านเลยไม่มีหวนคืน มีเงินทองสักเท่าไหร่ก็ซื้อเวลาคืนไม่ได้ ฉะนั้นถ้าท่านนัดเพื่อนแล้วยังไปไม่ตรงเวลา ต่อให้รวยแค่ไหน ก็ยังเป็นแค่ไฮโซเทียม ๆ

ข้อนี้ก็มีบาลีเช่นกัน ได้แก่ "กาลัญญุตา"

และกฎข้อสุดท้ายของการเป็นไฮโซสุดขีด คือ "ห้ามคิดว่า ตนเป็นไฮโซ"

ในการปฏิบัติธรรมมีข้อห้ามอย่างหนึ่งครับ คือห้ามคิดว่าตนเองเป็นพระอริยเจ้า ไม่ว่าท่านจักอยากเป็นสักแค่ไหนก็ตาม ความอยากไม่ได้ช่วยให้ท่านเป็นอริยบุคคลขึ้นมาครับ ตรงข้ามกลับขวางมรรคผลนิพพานเสียด้วยซ้ำ คนเราจักเป็นพระอริยะขึ้นมาได้ก็เพราะมี "เหตุ" ครับ หมั่นทำเหตุเข้าไว้ ถึงเวลา "ผล" ก็จักเกิดของมันเอง

เมื่อนำมาเทียบกับการก้าวขึ้นเป็นไฮโซตัวพ่อ ก็ทำนองเดียวกันครับ ความเป็นไฮโซ มิได้มาจากความอยากของเรา แม้เราจักตีฆ้องร้องปาวว่า "ฉันหน่ะไฮโซนะยะ" ก็ไม่มีใครยอมรับว่า เราเป็นไฮโซ แต่ความเป็นไฮโซมาจากคนรอบข้างให้การยอมรับเราเองว่า เราเป็นไฮโซ

หากเราคิดว่า ตนเองเป็นไฮโซเสียแล้ว ก็อาจคิดว่า กฎทั้ง ๗ ข้อ ไม่จำเป็น ไม่ต้องปฏิบัติก็ได้ ซึ่งทำให้ท่านห่างไกลจากความเป็นไฮโซออกไปเรื่อย ๆ อีกประการหนึ่งถ้าคิดว่าตนเป็นไฮโซ กฎบางข้อจักปฏิบัติไม่ได้เลยทีเดียว เช่น การถ่อมตัว

ไปสังเกตดูได้ครับ ท่านที่เป็นไฮโซตัวจริง ไม่มีใครถือตัวว่าเป็นไฮโซ ท่านมักทำตัวธรรมดา ๆ แต่คนแวดล้อมท่าน กลับยิ่งยำเกรง แลสรรเสริญในความไม่ถือเนื้อถือตัวของท่าน 

อ่านกฎทั้งหมดแล้ว อาจนึกไม่ภาพไม่ออกว่า ทำตามกฎทั้ง ๘ นี้แล้ว จักดูไฮโซขึ้นได้อย่างไร บอกใบ้ให้นิดหนึ่งครับว่า ไฮโซอันดับหนึ่งในประเทศไทย ที่เป็นแม่แบบให้ข้าพเจ้าเขียนเอ็นทรี่นี้ก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของเรานี่เอง มี fwd mail บางฉบับ ระบุว่า พระองค์ทรงใช้เงินส่วนพระองค์แค่วันละ ๑๒๐ บาท ทั้งที่ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั้นมากยิ่งกว่าไฮโซคนไหน ๆ ส่วนไฮโซระดับโลกก็คือสมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง

ทั้งสองพระองค์ประสูติในตระกูลสูงศักดิ์ สมควรที่จักนำมาเป็นแบบอย่างของ "ไฮโซ" ที่แท้จริง ทั้งสองพระองค์ทรงพระโอษฐ์เปียกพระโอษฐ์แฉะสอนให้เราเป็นไฮโซอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เราทั้งหลายที่อยากเป็นไฮโซตัวซี้ตัวสั่น เคยฟังคำของพระองค์แล้วนำมาปฏิบัติบ้างหรือไม่?

สังคมชั้นสูง หรือ high-society ที่สูงเพียงวัตถุภายนอก กับไฮโซที่สูงด้วยจิตใจ อย่างไหนน่านิยม น่าเป็นมากกว่ากัน

ลองคิดทบทวนกันดูใหม่กันสักนิดไหมหล่ะครับว่า คำว่า "ไฮโซ" นั้นแท้จริง วัดกันที่อะไร???

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ ฯ

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons