พุทธศาสนสุภาษิต
ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย ปัญญาเทียวประเสริฐกว่าทรัพย์ ปญฺญาชีวีชีวิตมาหุ เสฏฺฐํ ปราชญ์กล่าวชีวิตของผู้เป็นอยู่ด้วยปัญญาว่าประเสริฐสุด ปญฺญายตฺถํ วิปสฺสติ คนย่อมเห็นเนื้อความด้วยปัญญา ปญฺญา หิ เสฏฺฐา กุสลา วทนฺติ นกฺขตฺตราชาริว ตารกานํ สีลํ สิรึ จาปิ สตญฺจ ธมฺโม อนฺวายิกา ปญฺญวโด ภวนฺติ คนฉลาดกล่าวว่าปัญญาประเสริฐ เหมือนพระจันทร์ประเสริฐ กว่าดาวทั้งหลาย แม้ศีลสิริและธรรมของสัตบุรุษ ย่อมไปตามผู้มีปัญญา ยสํ ลทฺธาน ทุมฺเมโธ อนตฺถํ จรติ อตฺตโน อตฺตโน จ ปเรสญฺจ หึสาย ปฏิปชฺชติ คนมีปัญญาทราม ได้ยศแล้วย่อมประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตน ย่อมปฏิบัติเพื่อเบียดเบียน ทั้งตนและผู้อื่น มตฺตาสุขปริจฺจาคา ปสฺเส เจ วิปุลํ สุข จเช มตฺตาสุขํ ธีโร สมฺปสฺสํ วิปุลํ สุขํ ถ้าพึงเห็นสุขอันไพบูลย์ เพราะยอมเสียสละสุขส่วนน้อย ผู้มีปัญญาเล็งเห็นสุขอันไพบูลย์ ก็ควรสละสุขส่วนน้อยเสีย ปญฺญวนฺตํ ตถาวาทึ สีเลสุ สุสมาหิตํ เจโตสมถมนุยุตฺตํ ตํ เว วิญฺญู ปสํสเร ผู้รู้ย่อมสรรเสริญคนมีปัญญา พูดจริง ตั้งมั่นในศีล ประกอบความสงบใจนั้นแล
พุทธศาสนสุภาษิต
อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ โส โสจติ โส วิหญฺญติ ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺฐมตฺตโน ผู้ทำบาป ย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ ละไปแล้วก็เศร้าโศก ชื่อว่าเศร้าโศกในโลกทั้งสอง เขาเห็นกรรมอันเศร้าหมองของตน จึงเศร้าโศกและเดือดร้อน อุทพินทุนิปาเตน อุทกุมฺโภปิ ปูรติ อาปูรติ พาโล ปาปสฺส โถกํ โถกํปิ อาจินํ แม้หม้อน้ำยังเต็มด้วยหยาดน้ำฉันใด คนเขลาสั่งสมบาปแม้ทีละน้อย ๆ ก็เต็มด้วยบาปฉันนั้น ปาณิมฺหิ เจ วโณ นาสฺส หเรยฺย ปาณินา วิสํ นาพฺพณํ วิสมนฺเวติ นตฺถิ ปาปํ อกุพฺพโต ถ้าฝ่ามือไม่มีแผล ก็พึงนำยาพิษไปด้วยฝ่ามือได้ ยาพิษซึมเข้าฝ่ามือไม่มีแผลไม่ได้ฉันใด บาปย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ทำฉันนั้น
พุทธศาสนสุภาษิต
ปุญฺญํ โจเรหิ ทูหรํ บุญอันโจรนำไปไม่ได้ ปญฺญํ สุขํ ชีวิตสงฺขยมฺหิ บุญนำสุขมาให้ในเวลาสิ้นชีวิต สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย ความสั่งสมบุญ นำสุขมาให้ ปุญฺญานิ ปรโลกสฺมึ ปติฏฺฐา โหนฺติ ปาณินํ บุญเป็นที่พึ่งของสัตว์ในโลกหน้า อิธ นนฺทติ เปจฺจ นนฺทติ กตปุญโญฺ อุภยตฺถ นนฺทติ ปุญฺญํ เม กตนุติ นนฺทติ ภิยฺโย นนฺทุติ สุคตึ คโต ผู้ทำบุญแล้วย่อมยินดีในโลกนี้ ตายแล้วย่อมยินดีชื่อว่ายินดีในโลกทั้งสอง เขาย่อมยินดีว่าเราทำบุญไว้แล้ว ไปสู่สุคติย่อมยินดียิ่งขึ้น ปญฺญญฺ ปริโส กยิรา กยิราถนํ ปุนปฺปุนํ ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย ถ้าบุรุษจะพึ่งทำบุญ ควรทำบุญนั้นบ่อย ๆ ควรทำความพอใจในบุญนั้น การสั่งสมบุญนำความสุขมาให้
พุทธศาสนสุภาษิต
อตฺตโนปิ ปเรสญฺจ อตฺถาวโห ว ขนฺติโก สคฺคโมกฺขคมํ มคฺคํ อารุฬฺโห โหติ ขนฺติโก ผู้มีขันติ ชื่อว่านำประโยชน์มาให้ ทั้งแก่ตนทั้งแก่ผู้อื่น ผู้มีขันติ ชื่อว่าเป็นผู้ขึ้นสู่ทางไปสวรรค์และนิพพาน เกวลานํปิ ปาปานํ ขนฺติ มูลํ นิกนฺตติ ครหกลหาทีนํ มูลํ ขนฺติ ขนฺติโก ขันติ ย่อมตัดรากแห่งบาปทั้งสิ้น ผู้มีขันติชื่อว่าย่อมขุดรากแห่งความติเตียนและการทะเลาะกันได ขนฺติโก เมตฺตวา ลาภี ยสสฺสี สุขสีลวา ปิโย เทวมนุสฺสานํ มนาโป โหติ ขนฺติโก ผู้มีขันตินับว่ามีเมตตา มีลาภ มียศ และมีสุขเสมอ ผู้มีขันติเป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย สตฺถุโน วจโนวาทํ กโรติเยว ขนฺติโก ปรมาย จ ปูชาย ชินํ ปูเชติ ขนฺติโก ผู้มีขันติ ชื่อว่าทำตามคำสอนของพระศาสดา และผู้มีขันติ ชื่อว่าบูชาพระชินเจ้าด้วยบูชาอันยิ่ง
พุทธศาสนสุภาษิต
จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ จิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้ จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหํ จิตที่คุ้มครองแล้วนำสุขมาให้ วิหญฺญตี จิตฺตวสานุวตฺตี ผู้ประพฤติตามอำนาจจิตย่อมลำบาก เตลปตฺตํ ยถา ปริหเรยฺย เอวํ สจิตฺตมนุรกฺเข พึงรักษาจิตของตน เหมือนคนประคองบาตรที่เต็มด้วยน้ำมัน ยโต ยโต จ ปาปกํ ตโต ตโต มโน นิวารเย ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใด ๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ ยโต ยโต จ ปาปกํ ตโต ตโต มโน นิวารเย ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใด ๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ อนวัฏฺจิต จิตฺตสฺส สทฺธมฺมํ อวิชานโต ปริปฺวลปสาทสฺสุ ปญฺญา น ปริปูรติ เมื่อจิตไม่มั่นคง ไม่รู้พระสัทธรรม มีความเลื่อมใสเลื่อนลอย ปัญญาย่อมไม่บริบูรณ์
พุทธศาสนสุภาษิต
จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ จิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้ จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหํ จิตที่คุ้มครองแล้วนำสุขมาให้ วิหญฺญตี จิตฺตวสานุวตฺตี ผู้ประพฤติตามอำนาจจิตย่อมลำบาก เตลปตฺตํ ยถา ปริหเรยฺย เอวํ สจิตฺตมนุรกฺเข พึงรักษาจิตของตน เหมือนคนประคองบาตรที่เต็มด้วยน้ำมัน ยโต ยโต จ ปาปกํ ตโต ตโต มโน นิวารเย ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใด ๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ ยโต ยโต จ ปาปกํ ตโต ตโต มโน นิวารเย ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใด ๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ อนวัฏฺจิต จิตฺตสฺส สทฺธมฺมํ อวิชานโต ปริปฺวลปสาทสฺสุ ปญฺญา น ปริปูรติ เมื่อจิตไม่มั่นคง ไม่รู้พระสัทธรรม มีความเลื่อมใสเลื่อนลอย ปัญญาย่อมไม่บริบูรณ์
พุทธศาสนสุภาษิต
จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ จิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้ จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหํ จิตที่คุ้มครองแล้วนำสุขมาให้ วิหญฺญตี จิตฺตวสานุวตฺตี ผู้ประพฤติตามอำนาจจิตย่อมลำบาก เตลปตฺตํ ยถา ปริหเรยฺย เอวํ สจิตฺตมนุรกฺเข พึงรักษาจิตของตน เหมือนคนประคองบาตรที่เต็มด้วยน้ำมัน ยโต ยโต จ ปาปกํ ตโต ตโต มโน นิวารเย ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใด ๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ ยโต ยโต จ ปาปกํ ตโต ตโต มโน นิวารเย ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใด ๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ อนวัฏฺจิต จิตฺตสฺส สทฺธมฺมํ อวิชานโต ปริปฺวลปสาทสฺสุ ปญฺญา น ปริปูรติ เมื่อจิตไม่มั่นคง ไม่รู้พระสัทธรรม มีความเลื่อมใสเลื่อนลอย ปัญญาย่อมไม่บริบูรณ์
พุทธศาสนสุภาษิต
จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ จิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้ จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหํ จิตที่คุ้มครองแล้วนำสุขมาให้ วิหญฺญตี จิตฺตวสานุวตฺตี ผู้ประพฤติตามอำนาจจิตย่อมลำบาก เตลปตฺตํ ยถา ปริหเรยฺย เอวํ สจิตฺตมนุรกฺเข พึงรักษาจิตของตน เหมือนคนประคองบาตรที่เต็มด้วยน้ำมัน ยโต ยโต จ ปาปกํ ตโต ตโต มโน นิวารเย ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใด ๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ ยโต ยโต จ ปาปกํ ตโต ตโต มโน นิวารเย ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใด ๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ อนวัฏฺจิต จิตฺตสฺส สทฺธมฺมํ อวิชานโต ปริปฺวลปสาทสฺสุ ปญฺญา น ปริปูรติ เมื่อจิตไม่มั่นคง ไม่รู้พระสัทธรรม มีความเลื่อมใสเลื่อนลอย ปัญญาย่อมไม่บริบูรณ์
วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558
วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558
วิธีปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์ จะเริ่มต้นอย่างไรดี - มุมมือใหม่ป้ายแดง ต้อนที่ 1
วิธีปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์ จะเริ่มต้นอย่างไรดี - มือใหม่ป้ายแดง ตอนที่ 2
วิธีปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์ จะเริ่มต้นอย่างไรดี มือใหม่ป้ายแดง ตอนที่ 3
วิธีปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์ จะเริ่มต้นอย่างไรดี มือใหม่ป้ายแดง ตอนที่ 4
วิธีปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์ จะเริ่มต้นอย่างไรดี มือใหม่ป้ายแดง ตอนที่ 5
รู้-ไม่รู้ ไม่ใช่ฉัน
เรื่องเกี่ยวกับใจเดิม ใจแท้
คือใจ กับ จิต
ถ้าใจน่ะจะอยู่นิ่งๆเปนประภัสสร
ส่วนจิตจะเปนตัวคิด ตัวออกไปเที่ยวรักโกรธหลง
ทุกข์สุขเฉย ล้วนแต่ขันธ์ ทั้งนั้นหนา
ฉันไม่มี ทุกๆที่ ทุกเวลา
ทั้งโลกนี้ โลกหน้า ไม่มีฉัน
แต่เมื่อรู้ ความจริง ทุกสิ่งนั้น
เป็นเพียงธาตุ เป็นเพียงขันธ์ ทุกสิ่งอัน
ตั้งแต่นั้น ฉันเริ่มหาย สลายไป
เมื่อยกเขา ออกจากใจ ไปเสียได้
ไม่มีฉัน ไม่มีเขา เบาสบาย
"อยาก"ทั้งหลาย ก็ไม่มี ที่ไหนเลย
ปล่อยรู้. ทั้งหมดเลย
รู้ทุกอย่างวางทุกสิ่งที่ได้รู้
ธรรมทั้งหลายสักว่าเห็นสักว่าดู
ไม่มีกู รู้ของกู แต่อย่างใด
ทุกข์สุขเฉย ล้วนแต่ขันธ์ ทั้งนั้นหนา
ฉันไม่มี ทุกๆที่ ทุกเวลา
ทั้งโลกนี้ โลกหน้า ไม่มีฉัน
แต่เมื่อรู้ ความจริง ทุกสิ่งนั้น
เป็นเพียงธาตุ เป็นเพียงขันธ์ ทุกสิ่งอัน
ตั้งแต่นั้น ฉันเริ่มหาย สลายไป
เมื่อยกเขา ออกจากใจ ไปเสียได้
ไม่มีฉัน ไม่มีเขา เบาสบาย
"อยาก"ทั้งหลาย ก็ไม่มี ที่ไหนเลย.
ตายก่อนตาย
.
.
ฉันขอตาย ก่อนที่กาย จะตายจริง
ฉันขอทิ้ง ไม่อิงซบ ภพชาติไหน
ตายก่อนตาย ไม่เสียดาย อะไรๆ
หลับสบาย เมื่อตายจริง มาถึงเอย
เพราะฉันเห็น อะไรๆ ไม่จริงแท้
เห็นมีแต่ อนิจจัง ธรรมเปิดเผย
มีเกิดขึ้น แล้วก็ตาย ทั้งนั้นเลย
ยังไม่เคย เห็นอะไรๆ อยู่ได้นาน
ฉันคงไม่ เสียดาย ที่ตายก่อน
ไม่รีบร้อน ที่ได้ตาย ก่อนตายนั้น
เมื่อได้ตาย ก่อนกายใจ กลายเป็นควัน
ลมหายใจ ที่เหลือนั้น สุดบรรยาย
"รู้นี้ไม่มีฉัน"
.
.
ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นขันธ์ ขอฟันธง
พูดตรงๆ ฉันไม่มี ที่ไหนๆ
มีแต่ธาตุ มีแต่ขันธ์ ปรุงแต่งไป
สุดแท้แต่ เหตุปัจจัย จะให้เป็น
ถึงที่หมาย แล้วหรือยัง ไม่ฟันธง
โลภโกรธหลง นั้นคงมี ให้ได้เห็น
แต่ไม่ใช่ ตัวฉันมี ตัวฉันเป็น
ไม่ใช่เล่นลิ้นคำ จำนรรจา
ธรรมที่พบ ประสพเห็น เป็นอย่างนี้
ทุกๆที่ ไม่มีฉัน ให้กังขา
เพราะเห็นปฏิจจสมุปบาท เป็นวิชชา
ธรรมสัมมา จึงได้พบ ประสพเอย
ปล่อยรู้
O ปล่อยทุกสิ่ง ทุกอย่าง ที่ใจรู้
ไม่พันตู คลุกเคล้าปน จนใจเปอะ
ใจเดิมๆ มันใส ไม่มีเลอะ
ปล่อยรู้เถอะ เจอะใจว่าง สว่างใส
Oแล้วจะปล่อย รู้ได้ อย่างไรกัน
วานแบ่งปัน บอกหน่อย จะได้ไหม?
ถ้าอยากรู้ ก็ต้องยอม พร้อมพลีกาย
ชีพถวาย สูงสุด เป็นพุทธบูชา
Oพุทธพจน์ พุทธธรรม นำมาคิด
ย้ำเตือนจิต เตือนใจ เเสวงหา
ทุกสำนัก ศึกษาเปรียบ เทียบตำรา
ใช้กาลามสูตร พิสูจน์ไป
Oเหตุและผล เป็นอาวุธ สุดสำคัญ
ใช้ฟาดฟัน แผ่วถาง ทางน้อยใหญ่
มรรคแปด โพชฌงค์ ตัดตรงไป
ไม่หวั่นไหว ไม่ยอมแพ้ ได้แลเห็น
.
.
Oเอาผัสสะ ทุกอย่าง เป็นครูสอน
เอานิวรณ์ ฌานญาณ เป็นเครื่องเล่น
เวทนา ตัณหา เปรียบโคลนเลน
ถ้ากระเซ็น ถูกใจ ให้รีบล้าง
Oไม่หลงเชื่อ สิ่งใด ทั้งหมดสิ้น
เสียงได้ยิน กลิ่นได้ดม ตาชมร่าง
ลิ้นได้รส โผฐฐัพพะ สัมผัสวาง
ธรรมมารมณ์ สมเอ่ยอ้าง จ้างไม่เชื่อ
Oยิ่งรู้ไป ใจยิ่ง ไม่รับรู้
ให้ทนดู จนใจบ่น กูละเบื่อ
สรรพสิ่ง เกิดแล้วหาย ตายเป็นเบือ
มันเหลือเชื่อ ตัวเราตาย ได้ทั้งวัน
Oภพชาติ เกิดดับ นับไม่ถ้วน
สังขารชวน ล้วนปรุงแต่ง เลยทั้งนั้น
อวิชชา ต้นกำเนิด เกิดก่อนครรถ์
สติกั้น ปัญญาแทง ให้แท้งซะ
.
.
Oอย่าให้ก่อ กำเนิด เกิดวิญญาณ
จะเป็นฐาน สร้างรูปนาม ลามอายะตะนะ
ถึงตอนนั้น มันเริ่มมี ผีผัสสะ
ทีนี้แหละ ผีเวทนา ตัณหาดิ้น
Oอุปทาน พาลยึด เป็นตัวกู
ทั้งตาหู จมูก กายใจลิ้น
สร้างภพชาติ ว่ายแหวก แหกโบยบิน
ไม่จบสิ้น ชาติชรา โศกาครวญ
Oเป็นเส้นทาง ลางๆ บอกกับท่าน
ที่ตัวฉัน เคยเดินผ่าน ไม่ผันผวน
ใครจะเชื่อ หรือไม่เชื่อ ไม่กล้าชวน
แค่สำนวน ปรุงแต่งผ่าน ให้อ่านกัน
Oเมื่อท่านอ่าน วานท่าน ปล่อยรู้เสีย
ได้ไม่เพลีย เสียเวลา มารู้ฉัน
ฉันจะรู้ ไม่รู้ ให้จบกัน
เพราะว่าฉัน นั้นมันคน ไม่มีรู้
.
.
Oแค่คนโง่ ดักดาน สันดานแย่
เพราะมัวแต่ ปล่อยรู้หมด น่าอดสู
ฉีกตำรา เผาเล่น เซ่นไหว้ครู
ไม่มีผู้ ใดกล้ารับ นับเป็นศิษย์
Oไม่กล้าตู่ ผู้ใด เป็นอาจารย์
มาเป็นฐาน ขานรับ กับความคิด
ต้องขอโทษ หากทำให้ ใครหงุดหงิด
สัญญาฉัน. คงวิปริต ผิดเพี้ยนเอย
ปล่อยรู้
ทุกข์เพราะมีกู
ทุกความเชื่อ มีสิทธิ์ทุกข์ พอๆกัน
เมื่อเชื่อนั้น มันพัวพัน ตัณหาอยู่
ไมว่าพุทธ คริสต์อิสลาม พราหมฮินดู
ยังมีกู ยังมีสิทธ์ ทุกข์พอกัน
ทุกข์นั้นเกิด จากความอยาก หากกำหนด
มันเป็นกฏ สากล ชนทุกชั้น
พออยากได้ ไม่อยากได้ ทุกข์ทันควัน
ยังไม่ทัน ตั้งเนื้อ ตั้งตัวเลย
เชื่อโลกหน้า มี-ไม่มี ทุกข์ไม่ดับ
แม้นนั่งหลับ หรือลืมตา ดูเฉยๆ
ทุกข์มีสิทธ์ สะกิดแอบ แนบชิดเชย
กว่าจะรู้ตัว ก็เสวยทุกข์ แล้วเต็มคำ.
น่าขัน " อนัตตา
น่าขัน ที่ต้องการจะให้มีตัวตนที่แท้จริงเป็นผู้หลุด
แล้วหลุดไปมีตัวตนที่แท้จริงอยู่.
ถ้าเราบอกเขาว่า "จงวางให้หมด"
เขาก็รับคำ แล้วย้อนถามเราว่า
" อ้าว ! วางหมดแล้ว ต่อจากนี้ไปจะให้ยึดอะไรอีกเล่า ?"
มันจึงน่าขัน.
หรือท่านจะเห็นเป็นอย่างไร ?
"ตัว" ตัวนั่นแหละ จะเป็นผู้เดินไปตามอริยมรรคและเป็นผู้หลุดพ้นออกไปมี'ตัว'อยู่อย่างบริสุทธิ์แท้จริง.
ฟังดูเถิด. ตัวหลุดไปมีตัวอยู่อย่างบริสุทธิ์แท้จริง เป็นตัวเดียวกับนิพพาน หรืออสังขตธรรม หรือโลกุตตรธรรม.
จงมองดูตัณหาอันเหนียวแน่นของคนที่กอดรัด'ตัว'เพราะต้องการตัวเถิด. เพราะปล่อยความเห็นว่า'ตัว'ออกเสียไม่ได้ จึงต้องถูกมัดติดอยู่กับหลักตออันหนึ่ง ซึ่งจะหลุดออกมาไม่ได้ เพราะความไม่สร่างแห่งความต้องการตัวของตนเอง.
พุทธทาสภิกขุ
๒๒ กันยายน ๒๔๘๕
หาธรรมได้จากทุกข์
o ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม หรอกนะท่าน
เพียงแค่อ่าน ไม่อาจทำ ให้บรรลุ
ถ้าเห็นทุกข์ ก็เห็นธรรม อันเอกอุ
จึงทะลุ ทะลวงธรรม กำแพงได้
o ไม่มีทุกข์ มรรคผล ก็ไม่มี
นิโรธมี มันจึงมีสมุทัย
ธรรมต่างๆ ล้วนพึ่งพิง อิงอาศัย
เป็นปัจจัย อาศัยเอื้อ เกื้อหนุนกัน
o อยากได้ผล แต่ไม่ทน ดูรู้ทุกข์
อยากได้สุข ทุกเช้าเย็น เป็นอรหันต์
เอาแต่สุข ทุกข์ไม่เอา มันเอาได้ที่ไหนกัน
มีแต่ฝัน มีแต่ตรึก นึกเอาเอง
o ความยึดมั่น ถือมั่น นั่นแหละทุกข์
ว่านี้สุข นี้ไม่สุข กำหนดเพ่ง
สร้างตำรา วิธีค้น อลเวง
ของข้าเจ๋ง ของเอ่งเจ๊ง โล้งเล้งดัง
o สิทธัตถะ สละคิด ไม่ติดพัน
ทุกอาจารย์ ทุกสำนัก ไม่ปักฝัง
อย่างนี้ใช่ นี้ไม่ใช่ ใจไม่ฟัง
เดินหันหลัง ขึ้นสู่ฝั่ง สุญญตา
o กำหนดรู้ ดูทุกข์ ที่จิตใจ
มันเกิดได้ เพราะอะไร อย่างไรนา
เมื่อเฝ้าดู มันจึงเห็น อวิชชา
สร้างตัณหา สร้างมายา อุปาทาน
o มันไม่มี ตัวตน คนที่ไหน
เหตุปัจจัย ปรุงแสดง แต่งธาตุขันธ์
รูปเวทนา สัญญาสังขาร และวิญญาณ
ผูกประสาน ถักใยเห็น ให้เป็นคน
o อย่างนี้มี อย่างนี้ มันจึงมี
มันไม่มี สิ่งใดๆ ให้ฉงน
มันไม่มี ผีหรือเปรต วิเศษคน
มีแต่ผล มีแต่เหตุ เกิดดับอยู่
o มัชฌิมา ทางสายกลาง สว่างล้ำ
มันคือธรรม ที่พ้นไป จากของคู่
มี-ไม่มี ใช่-ไม่ใช่ รู้-ไม่รู้
เมื่อเฝ้าดู ก็รู้เห็น มันเป็นเช่นนั้นเอง
o มันเห็นทุกข์ ทุกๆอย่าง ตอนที่อยาก
ยังไม่อยาก ก็ไม่ทุกข์ ไม่คร่ำเคร่ง
พออยากเกิด ทุกข์มันก็ เริ่มบรรเลง
เริ่มเขย่ง เริ่มกระโดด โลดแล่นไป
o อยากมันเกิด ตอนที่รูปกระทบตา
เสียงภาษากระทบหู รู้คิดไหว
กลิ่นหอมหวน จมูกดม ชมชอบใจ
กายลูบไล้ จิตกระเส่า เร้าอารมณ์
o “คิด”เริ่มปรุง สิ่งที่รับ รู้สัมผัส
รูปขยับ เวทนาตัณหาผสม
เริ่มอยากได้ ไม่อยากได้ ผูกเงื่อนปม
ทุกข์ระทม เริ่มก่อเกิด กำเหนิดภพ
o เห็นทุกข์ได้ ก็ได้ธรรมอันล้ำเลิศ
จิตประเสริฐ รู้เห็นธรรม ผ่านประสพ
ใจสะอาด ใจสว่าง ทางค้นพบ
กราบเคารพ นบน้อมธรรม พุทธบูชา
o โปรดอย่ากลัว ความทุกข์ เลยนะท่าน
เพราะทุกข์มัน ซ่อนนิพพาน นะท่านขา
โปรดเฝ้าดู โปรดเฝ้ารู้ ทุกเวลา
ทุกข์จะพา ให้สมหวัง ถึงฝั่งเอย
วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2558
ชีวิตกับวิญญาณ โดย หลวงปู่ทองใบ ปภัสสโร วันที่ 23 ก.ค. 58
อริยชีวิต โดย หลวงปู่ทองใบ ปภัสสโร วันที่ 7 ส.ค. 58
ฟังธรรมเทศนาประจำทุกวันเสาร์ที่สองของเดือน โดยพระเดชพระคุณพระราชสิทธาจารย์ (วิ) (หลวงปู่ทองใบ ประภัสสโร) ประธานสงฆ์วัดนาหลวง ณ วัดนาหลวง (อภิญญาเทสิตธรรม) บ้านนาหลวง ตำบลคำด้วง อำเภอบ้านผือ จ.อุดรธานี
ตั้งสติ โดย หลวงปู่ทองใบ ปภัสสโร วันที่ 14 ส.ค. 58
อกาลิโก โดย หลวงปู่ทองใบ ปภัสสโร วันที่ 22 ส.ค. 58
ฟังธรรมเทศนาประจำทุกวันเสาร์ที่สองของเดือน โดยพระเดชพระคุณพระราชสิทธาจารย์ (วิ) (หลวงปู่ทองใบ ประภัสสโร) ประธานสงฆ์วัดนาหลวง ณ วัดนาหลวง (อภิญญาเทสิตธรรม) บ้านนาหลวง ตำบลคำด้วง อำเภอบ้านผือ จ.อุดรธานี
กิจในอริยสัจ4 โดย หลวงปู่ทองใบ ปภัสสโร วันที่ 19 มี.ค. 2558
ฟังธรรมเทศนาประจำทุกวันเสาร์ที่สองของเดือน โดยพระเดชพระคุณพระราชสิทธาจารย์ (วิ) (หลวงปู่ทองใบ ประภัสสโร) ประธานสงฆ์วัดนาหลวง ณ วัดนาหลวง (อภิญญาเทสิตธรรม) บ้านนาหลวง ตำบลคำด้วง อำเภอบ้านผือ จ.อุดรธานี
อนัตตา โดย หลวงปู่ทองใบ ปภัสสโร วันที่ 29 ส.ค. 58
กองทุกข์ กองทุน โดย หลวงปู่ทองใบ ปภัสสโร วันที่ 27 ก.ย. 58
นิพพานสูตร โดย หลวงปู่ทองใบ ปภสฺสโร วันที่ 17 ส.ค. 58
ฟังธรรมเทศนาประจำทุกวันเสาร์ที่สองของเดือน โดยพระเดชพระคุณพระราชสิทธาจารย์ (วิ) (หลวงปู่ทองใบ ประภัสสโร) ประธานสงฆ์วัดนาหลวง ณ วัดนาหลวง (อภิญญาเทสิตธรรม) บ้านนาหลวง ตำบลคำด้วง อำเภอบ้านผือ จ.อุดรธานี
กายคือแดนธรรม โดย หลวงปู่ทองใบ ปภัสสโร
ฟังธรรมเทศนาประจำทุกวันเสาร์ที่สองของเดือน โดยพระเดชพระคุณพระราชสิทธาจารย์ (วิ) (หลวงปู่ทองใบ ประภัสสโร) ประธานสงฆ์วัดนาหลวง ณ วัดนาหลวง (อภิญญาเทสิตธรรม) บ้านนาหลวง ตำบลคำด้วง อำเภอบ้านผือ จ.อุดรธานี
สติ ปัญญา ญาณ โดย หลวงปู่ทองใบ ปภัสสโร วันที่ 13 ก.พ. 2558
วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558
วัดผาซ่อนแก้ว ความจริงไม่มีใครทุกข์
การถ่ายทอดเรื่องราวของเหตุปัจจัย ที่ทำให้เข้าใจหลักในการดำเนินชีวิต โดยชี้ให้เห็นถึงวงเวียนแห่งทุกข์ ในหลักของปฏิจจสมุปบาท ซึ่งเริ่มต้นโดยความไม่รู้ตามความเป็นจริง โดยทางออกนั้นคือความเข้าใจในเหตุ-ปัจจัย ที่มาที่ไปของความทุกข์ ในหลักของวิสุทธิ ๗
วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2558
รายการภาษาธรรมภาษาใจ ปี2556-7
ท่านสามารถดาวโหลดเสียงธรรมะเก่าๆที่เคยออกอากาศทางสถานีวิทยุพระพุทธศาสนาแห่งชาติและสังคม คลื่น fm 100.25 mhz คลื่นพุทธบูชา
วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558
ดาวโหลดหรือรับฟังรายการปี 2559