คนไม่มีรู้(ปล่อยรู้)
O ปล่อยทุกสิ่ง ทุกอย่าง ที่ใจรู้
ไม่พันตู คลุกเคล้าปน จนใจเปอะ
ใจเดิมๆ มันใส ไม่มีเลอะ
ปล่อยรู้เถอะ เจอะใจว่าง สว่างใส
Oแล้วจะปล่อย รู้ได้ อย่างไรกัน
วานแบ่งปัน บอกหน่อย จะได้ไหม?
ถ้าอยากรู้ ก็ต้องยอม พร้อมพลีกาย
ชีพถวาย สูงสุด เป็นพุทธบูชา
Oพุทธพจน์ พุทธธรรม นำมาคิด
ย้ำเตือนจิต เตือนใจ เเสวงหา
ทุกสำนัก ศึกษาเปรียบ เทียบตำรา
ใช้กาลามสูตร พิสูจน์ไป
Oเหตุและผล เป็นอาวุธ สุดสำคัญ
ใช้ฟาดฟัน แผ่วถาง ทางน้อยใหญ่
มรรคแปด โพชฌงค์ ตัดตรงไป
ไม่หวั่นไหว ไม่ยอมแพ้ ได้แลเห็น
.
.
Oเอาผัสสะ ทุกอย่าง เป็นครูสอน
เอานิวรณ์ ฌานญาณ เป็นเครื่องเล่น
เวทนา ตัณหา เปรียบโคลนเลน
ถ้ากระเซ็น ถูกใจ ให้รีบล้าง
Oไม่หลงเชื่อ สิ่งใด ทั้งหมดสิ้น
เสียงได้ยิน กลิ่นได้ดม ตาชมร่าง
ลิ้นได้รส โผฐฐัพพะ สัมผัสวาง
ธรรมมารมณ์ สมเอ่ยอ้าง จ้างไม่เชื่อ
Oยิ่งรู้ไป ใจยิ่ง ไม่รับรู้
ให้ทนดู จนใจบ่น กูละเบื่อ
สรรพสิ่ง เกิดแล้วหาย ตายเป็นเบือ
มันเหลือเชื่อ ตัวเราตาย ได้ทั้งวัน
Oภพชาติ เกิดดับ นับไม่ถ้วน
สังขารชวน ล้วนปรุงแต่ง เลยทั้งนั้น
อวิชชา ต้นกำเนิด เกิดก่อนครรถ์
สติกั้น ปัญญาแทง ให้แท้งซะ
.
.
Oอย่าให้ก่อ กำเนิด เกิดวิญญาณ
จะเป็นฐาน สร้างรูปนาม ลามอายะตะนะ
ถึงตอนนั้น มันเริ่มมี ผีผัสสะ
ทีนี้แหละ ผีเวทนา ตัณหาดิ้น
Oอุปทาน พาลยึด เป็นตัวกู
ทั้งตาหู จมูก กายใจลิ้น
สร้างภพชาติ ว่ายแหวก แหกโบยบิน
ไม่จบสิ้น ชาติชรา โศกาครวญ
Oเป็นเส้นทาง ลางๆ บอกกับท่าน
ที่ตัวฉัน เคยเดินผ่าน ไม่ผันผวน
ใครจะเชื่อ หรือไม่เชื่อ ไม่กล้าชวน
แค่สำนวน ปรุงแต่งผ่าน ให้อ่านกัน
Oเมื่อท่านอ่าน วานท่าน ปล่อยรู้เสีย
ได้ไม่เพลีย เสียเวลา มารู้ฉัน
ฉันจะรู้ ไม่รู้ ให้จบกัน
เพราะว่าฉัน นั้นมันคน ไม่มีรู้
.
.
Oแค่คนโง่ ดักดาน สันดานแย่
เพราะมัวแต่ ปล่อยรู้หมด น่าอดสู
ฉีกตำรา เผาเล่น เซ่นไหว้ครู
ไม่มีผู้ ใดกล้ารับ นับเป็นศิษย์
Oไม่กล้าตู่ ผู้ใด เป็นอาจารย์
มาเป็นฐาน ขานรับ กับความคิด
ต้องขอโทษ หากทำให้ ใครหงุดหงิด
สัญญาฉัน. คงวิปริต ผิดเพี้ยนเอย
ปล่อยรู้
O ปล่อยทุกสิ่ง ทุกอย่าง ที่ใจรู้
ไม่พันตู คลุกเคล้าปน จนใจเปอะ
ใจเดิมๆ มันใส ไม่มีเลอะ
ปล่อยรู้เถอะ เจอะใจว่าง สว่างใส
Oแล้วจะปล่อย รู้ได้ อย่างไรกัน
วานแบ่งปัน บอกหน่อย จะได้ไหม?
ถ้าอยากรู้ ก็ต้องยอม พร้อมพลีกาย
ชีพถวาย สูงสุด เป็นพุทธบูชา
Oพุทธพจน์ พุทธธรรม นำมาคิด
ย้ำเตือนจิต เตือนใจ เเสวงหา
ทุกสำนัก ศึกษาเปรียบ เทียบตำรา
ใช้กาลามสูตร พิสูจน์ไป
Oเหตุและผล เป็นอาวุธ สุดสำคัญ
ใช้ฟาดฟัน แผ่วถาง ทางน้อยใหญ่
มรรคแปด โพชฌงค์ ตัดตรงไป
ไม่หวั่นไหว ไม่ยอมแพ้ ได้แลเห็น
.
.
Oเอาผัสสะ ทุกอย่าง เป็นครูสอน
เอานิวรณ์ ฌานญาณ เป็นเครื่องเล่น
เวทนา ตัณหา เปรียบโคลนเลน
ถ้ากระเซ็น ถูกใจ ให้รีบล้าง
Oไม่หลงเชื่อ สิ่งใด ทั้งหมดสิ้น
เสียงได้ยิน กลิ่นได้ดม ตาชมร่าง
ลิ้นได้รส โผฐฐัพพะ สัมผัสวาง
ธรรมมารมณ์ สมเอ่ยอ้าง จ้างไม่เชื่อ
Oยิ่งรู้ไป ใจยิ่ง ไม่รับรู้
ให้ทนดู จนใจบ่น กูละเบื่อ
สรรพสิ่ง เกิดแล้วหาย ตายเป็นเบือ
มันเหลือเชื่อ ตัวเราตาย ได้ทั้งวัน
Oภพชาติ เกิดดับ นับไม่ถ้วน
สังขารชวน ล้วนปรุงแต่ง เลยทั้งนั้น
อวิชชา ต้นกำเนิด เกิดก่อนครรถ์
สติกั้น ปัญญาแทง ให้แท้งซะ
.
.
Oอย่าให้ก่อ กำเนิด เกิดวิญญาณ
จะเป็นฐาน สร้างรูปนาม ลามอายะตะนะ
ถึงตอนนั้น มันเริ่มมี ผีผัสสะ
ทีนี้แหละ ผีเวทนา ตัณหาดิ้น
Oอุปทาน พาลยึด เป็นตัวกู
ทั้งตาหู จมูก กายใจลิ้น
สร้างภพชาติ ว่ายแหวก แหกโบยบิน
ไม่จบสิ้น ชาติชรา โศกาครวญ
Oเป็นเส้นทาง ลางๆ บอกกับท่าน
ที่ตัวฉัน เคยเดินผ่าน ไม่ผันผวน
ใครจะเชื่อ หรือไม่เชื่อ ไม่กล้าชวน
แค่สำนวน ปรุงแต่งผ่าน ให้อ่านกัน
Oเมื่อท่านอ่าน วานท่าน ปล่อยรู้เสีย
ได้ไม่เพลีย เสียเวลา มารู้ฉัน
ฉันจะรู้ ไม่รู้ ให้จบกัน
เพราะว่าฉัน นั้นมันคน ไม่มีรู้
.
.
Oแค่คนโง่ ดักดาน สันดานแย่
เพราะมัวแต่ ปล่อยรู้หมด น่าอดสู
ฉีกตำรา เผาเล่น เซ่นไหว้ครู
ไม่มีผู้ ใดกล้ารับ นับเป็นศิษย์
Oไม่กล้าตู่ ผู้ใด เป็นอาจารย์
มาเป็นฐาน ขานรับ กับความคิด
ต้องขอโทษ หากทำให้ ใครหงุดหงิด
สัญญาฉัน. คงวิปริต ผิดเพี้ยนเอย
ปล่อยรู้