มนุษย์ตามทรรศนะในพุทธปัญญา
๒.๑
มนุษย์ตามทรรศนะนักปรัชญาทั่วไป
“
มนุษย์” หรือคน
ซึ่งประกอบขึ้นมาจากกายกับจิตหรือรูปกับนาม เป็นสิ่งที่สัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด “มนุษย์” ตามความเข้าใจโดยทั่วไปแล้วอาจกล่าวได้ว่า มนุษย์เป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากสัตว์ทั้งหลายอื่นๆ ในโลก ซึ่งไม่มีใครรู้ชัดว่ามนุษย์คนแรกเกิดขึ้นในโลกเมื่อใดเพียงแต่สันนิษฐานกันตามความคิดของแต่ละกลุ่มในทางปรัชญาจึงได้ตั้งประเด็นกันว่า มนุษย์คือใคร มาจากไหน ซึ่งเป็นประเด็นในการโต้เถียงกันในเชิงอภิปรัชญามาหลายยุคหลายสมัยและยังแสวงหาคำตอบในเรื่องนี้กันต่อไป
ชีวิตคืออะไร? ยากที่จะตอบได้ว่าชีวิตคืออะไร คำตอบที่จะได้รับจากแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป บางคนอาจตอบว่า ชีวิตคือการเดินทาง บางคนอาจตอบว่าชีวิตคือการต่อสู้ หรือบางคนอาจตอบว่าชีวิตคือความทุกข์ คำตอบที่ได้รับซึ่งแตกต่างกันเช่นนี้ก็เพราะว่าโดยธรรมชาติชีวิตนั้นเป็นของแต่ละคน ต่างคนก็ต่างได้รับประสบการณ์ และการเผชิญกับปัญหาต่างๆ ในชีวิตมาแตกต่างกันนั้นเอง แต่คำตอบต่างๆ นั้นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งหรือบางส่วนของชีวิตทั้งหมด เกี่ยวกับชีวิตมีนักชีววิทยาศึกษาเรื่องสิ่งมีชีวิตว่า มีลักษณะอย่างไร ต่างจากสิ่งไม่มีชีวิตอย่างไร แต่ชีวิตคืออะไรนั้น นักชีววิทยาก็ตอบไม่ได้
นักปรัชญากรีกโบราณท่านหนึ่งคือ ธาเลส (Thales) ได้ตั้งปัญหาขึ้นว่า มนุษย์ โลก หรือสิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆตัวเราจะรู้ได้อย่างไร โดยไม่ต้องอาศัยอำนาจของเทพเจ้าเหมือนนักปรัชญาในอดีตที่ใช้วิธีการที่สั่งสอนกันมา และได้คำตอบว่า มนุษย์ และโลกตลอดถึงสรรพสิ่งต่างๆเกิดขึ้นและดำเนินไปด้วยกฎแห่งธรรมชาติ เพื่อแสวงหาความจริงอันแท้จริงกลุ่มนักปรัชญากรีกได้พยายามทอนย่อยกฎทางธรรมชาติให้เป็นหน่วยย่อยๆนี้ว่า “ปฐมธาตุ” และธาเลสก็ได้ตั้งเป็นทฤษฎีว่า ความแท้จริงอันสุดท้ายนั้นคือ ปฐมธาตุ
ทุกสิ่งเกิดจากปฐมธาตุนี้เอง และยังให้ทรรศนะว่ามนุษย์ก็เกิดขึ้นมาโดยการลอกเลียนแบบมานั้นเอง โสเครติส กล่าวว่า
มนุษย์คือสัตว์ที่มีเหตุผล มีมันสมองเปรื่องปราด ส่วนท่านพลาโต้นักปรัชญากรีกผู้เรืองนามได้กล่าวว่ามนุษย์คือสัตว์สังคมหรือสัตว์หมู่ เขาเกิดในสังคมอยู่ในสังคมและตายในสังคม” และท่านอาริสโตเติ้ล
กล่าวว่า “มนุษย์คือสัตว์ที่มีความเกี่ยวพันกันทางการเมือง๑
แต่ว่านักปรัชญากรีกในยุคต่อๆมาแม้ว่าจะยอมรับหลักการร่วมกันว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีความจริงที่เป็นปฐมกำเนิดแรกร่วมกันก็ตาม แต่ต่างก็ยังถกเถียงกันในเรื่องเนื้อหาว่าความแท้จริงที่เป็นต้นกำเนิดหรือปฐมธาตุ นั้นมาจากไหน ซึ่งยังไม่อาจสรุปรวมกันได้เป็นแนวคิดเดียว ดังนั้นจึงแตกออกเป็นกลุ่มย่อยๆไปตามวิถีทรรศน์ของกลุ่มต่างๆซึ่งแบ่งได้เป็น ๓ กลุ่มใหญ่ได้ดังนี้
- กลุ่มเอกนิยม ถือว่าความแท้จริงมีอย่างเดียว ในกลุ่มนี้บางคนยังชื่อว่า ความแท้จริง
คือสสารนอกจากสสารแล้วไม่มีอะไรจริง บางคนเชื่อว่า ความจริงเป็นจิตอย่างเดียว สสารไม่มีจริง
- กลุ่มทวินิยม เชื่อว่าความแท้จริงมีสองอย่าง คือสสารก็มีอยู่จริงและจิตก็มีอยู่จริง
- กลุ่มพหุนิยม เชื่อว่าความแท้จริงมีหลายอย่าง ความแท้จริงเป็นทั้งจิต สสาร และสิ่งอื่นๆรวมกันด้วย ดังนั้นสำหรับปัญหาที่ว่า “มนุษย์คือใคร” นั้น กลุ่มเอกนิยมจะแยกตอบเป็น ๒ อย่างคือ
๑ ) กลุ่มสสารนิยม ตอบว่า “มนุษย์คือสสาร ซึ่งเกิดจากการรวมตัวเข้าของสสารในอัตราส่วนที่พอเหมาะ ส่วนการเปลี่ยนแปลงในรูปต่างๆ ของมนุษย์ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตัวของสสารต่างๆ เท่านั้น การเกิดการตายของคนเป็นเพียงการแยกตัวออกของสสารเท่านั้น ส่วนสสารนั้นยังคงเดิมคือไม่เพิ่มหรือลด ไม่มีการเกิดใหม่และไม่สูญหายไปจากโลก๒
๒) กลุ่มจิตนิยม เชื่อว่ามนุษย์ก็คือจิต จิตเท่านั้นเป็นสิ่งที่เป็นจริงและมีอยู่จริงนอกนั้นไม่มีสิ่งใดเป็นจริง ส่วนสสารนั้นเป็นเพียงมายาหรือการแสดงตัวออกของจิตเท่านั้น๓
๓) กลุ่มทวินิยม ตอบปัญหานี้ว่า มนุษย์ก็คือส่วนที่เป็นทั้งจิตและสสารมารวมกันเข้า การเกิดของมนุษย์นี้ก็ด้วยอาศัยการรวมกันของสองสิ่งนี้เอง ความเป็นตัวคนจึงจะมีได้แต่ว่าถ้า