เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลวงปู่พระมหาโส กสัสโป ศิษย์สายธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตตะ และเป็นศิษย์ผู้พี่ของหลวงปู่ผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต พระเกจิดังของภาคอีสาน ได้ละสังขารแล้วที่กุฏิวัดป่าคำแคนเหนือ หมู่ 2 ต.คำแคน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ด้วยอาการชราภาพ เมื่อเวลา 12.20 น.ของวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา สิริอายุ 100 ปี 3 เดือน 8 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในวัดป่าคำแคนเหนือ มีข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ศิษยานุศิษย์ ที่เคารพนับถือหลวงปู้พากันเดินทางมากราบไหว้สรีระสังขารหลวงปู่ และขอเช่าวัตถุมงคลของหลวงปู่โส กัสสโปอย่างเนื่องแน่น ซึ่งจะมีการเคลื่อนย้ายสรีระสังขารหลวงปู่โส จากกุฏิของท่านมาที่ศาลาเปรียญกัสสโปนุสรณ์ ภายในวัดป่าคำแคนเหนือ เพื่อทำพิธีถวายน้ำหลวงอาบศพ "หลวงปู่โส กัสสโป”
นอกจากนี้ ภายในวัดป่าคำแคนเหนือมีศิษยานุศิษย์นำอาหาร เช่น ก๊วยเตี๋ยว ข้าวเหนียว หมูปิ้งส้มตำ ข้าวจี่ กาแฟ น้ำดื่ม มาตั้งเป็นโรงทานเพื่อรองรับประชาชนที่เคารพนับถือหลวงปู่โสมากราบ มารดน้ำและกราบศพท่าน ได้มารับประทานอาหารจากโรงทานได้ตลอดเวลา
พระสมุห์ สุภชัย เทวสุโภ อายุ 37 ปี พระอุปฐากหลวงปู่โส กัสสโป เปิดเผยว่า หลังจากทางวัดและลูกศิษย์หลวงปู่โส จัดงานครบรอบวัดเกิด 100 ปี ให้กับท่าน เมื่อ 18 พ.ย. 2558 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือนได้ป่วยเพราะปอดติดเชื้อ จึงได้นำไปรักษาที่ รพ.ศรีนครินทร์ ม.ขอนแก่น กระทั่งเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมาได้ออกจาก รพ.ศรีนครินทร์ฯ มาพักรักษาตัวอยู่ในกุฏิของท่าน กระทั่งเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา เกิดอาการเสลดติดคอ หายใจไม่ออก กระทั่งเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 16 ก.พ. ได้นอนหลับเมื่อคณะแพทย์จาก รพ.ศรีนครินทร์ ม.ขอนแก่น มาตรวจก็บอกว่าหลวงปู่โสได้ละสังขารไปอย่างสงบ โดยนอนหลับตาและมีรอยยิ้มเล็กน้อย โดยแพทย์บอกว่าหลวงปู่โสชราภาพ
พระสมุห์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่หลวงปู่โสมรณะภาพไปแล้ว ทางวัดป่าคำแคนเหนือ พร้อมด้วยศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่โส ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนที่เคารพศรัทธาหลวงปู่โสได้มากราบไหว้และเคารพศพหลวงปู่โสได้ตลอดเวลา ที่ศาลาการเปรียญกัสสโปนุสรณ์ โดยสรีระสังขารของท่านจะอยู่ในโรงทึบที่ทำด้วยไม้ประดู่จากธรรมชาติ โดยตั้งศพที่ศาลาการเปรียญฯ มีสวดอภิธรรมทุกวันจนครบ 1 เดือน จากนั้นให้มีสวดเฉพาะวันพระ
นอกจากนี้ มีบำเพ็ญกุศลใหญ่ถวายหลวงปู่ 7 วัน 50 วัน 100 วัน จนกว่าจะได้ก่อสร้าง “เจดีย์บูรพาจารย์ วัดป่าคำแคนเหนือ” เสร็จเรียบร้อยก็จะมีการประชุมพิธีฌาปนกิจของหลวงปู่โสตามที่คณะกรรมการกำหนดขึ้นมา ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นวันไหน เดือนอะไร แต่เป็นปี 2560 แน่นอน
นายธวัช แตรยาว อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ 2 บ้านคำแคนเหนือ ต.คำแคน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ผู้ศรัทธาหลวงปู่โสมากที่สุด เพราะมีวัตถุมงคลหลวงปู่โสติดตัว ซึ่งเป็นเหรียญหลวงปู่โสเก้า เหลี่ยม ตะกรุดมงคลจักรวาล เปิดเผยว่า หลวงปู่โส นับเป็นพระเถราจารย์ชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดขอนแก่น มีพระฝากตัวเป็นศิษย์ผู้สืบทอดปฏิปทาจากท่านมากมาย และท่านยังปฏิบัติศาสนกิจของท่านอยู่เสมอต้นเสมอปลาย ทั้งการอบรมธรรมะแก่พระเณร อุบาสก อุบาสิกา การพัฒนาวัด การต้อนรับศรัทธาญาติโยมที่มากราบเยี่ยมที่วัด ซึ่งมีมาไม่เคยขาดสายเลยแม้แต่วันเดียว ไม่ว่าจะอยู่ไกลขนาดไหนก็มา ด้วยบารมีแห่งแสงธรรมขององค์หลวงปู่โส ที่จริงแล้วหลวงปู่ไม่เคยดำริให้สร้างวัตถุมงคลเลย แต่จะมีศิษยานุศิษย์ขออนุญาตจัดสร้างเพื่อหาทุนทรัพย์สร้างสาธารณะกุศล หลวงปู่โสก็มีเมตตาให้จัดสร้างและอธิฐานจิตให้ โดยวัตถุมงคลที่หลวงปู่อธิฐานจิตให้ล้วนมีพุทธคุณวิเศษ มีประสบการณ์แก่ผู้บูชาทั้งสิ้น
“หลวงปู่โส เป็นพระผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัยปฏิบัติตามคำสอนขององค์ศาสดามาโดยตลอด จนสอบเปรียญธรรมสนามหลวงเป็น "พระมหา" ได้สำเร็จ และในปีเดียวกันก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสที่วัดศรีหมากหญ้า อ.เมือง แต่เป็นเจ้าอาวาสอยู่ได้เพียง 4 ปี หลวงปู่มหาโส ก็สละตำแหน่งเจ้าอาวาส และออกธุดงค์ต่อเพื่อแสวงหาสิ่งที่เรียกว่า "พ้นจากวัฏสงสาร" อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนาต่อไป”
หลวงปู่พระมหาโส กัสสโป เป็นศิษย์สายธรรมหลวงปู่มั่น และเป็นศิษย์ผู้พี่ของหลวงปู่ผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต ท่านนับเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอีกรูปหนึ่ง นับตั้งแต่อายุ 70 ปี หลวงปู่พระมหาโสก็ไม่เคยออกจากวัดป่าคำแคนเหนือสู่สังคมทางโลกอีกเลยจนถึงปัจจุบัน สมัยก่อนท่านธุดงค์บำเพ็ญเพียรที่หุบเขาต่างๆ เช่น ภูพาน ภูผาแดง ภูเม็งฯลฯ และตั้งสำนักสงฆ์ที่หุบเขาภูเม็ง แต่ด้วยอุบาสกอุบาสิกาที่ไปถือศีลเป็นไข้ป่า ต่อมาเมื่อท่านจึงตัดสินใจย้ายลงมาอยู่ที่เชิงเขาภูเม็งจนถึงปัจจุบัน ท่านก็ได้มาปักหลักสร้างวัดป่าคีรีวันอรัญเขต (วัดป่าคำแคนเหนือ) ต.คำแคน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น.
ประวัติ หลวงปู่พระมหาโส กัสสโป นามสกุลเดิม ดีเลิศ เกิดเมื่อวันจันทร์ ที่ 8 พ.ย. 2458 เวลาตี 2 (ตรงกับวันเพ็ญ เดือน 12 ปีเถาะ) ปัจจุบันสิริอายุ 100 ปี 3 เดือน 8 วัน สถานที่เกิด : เกิดที่ บ้านก่อ ต.หนองไข่นก อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี โยมบิดาชื่อ เคน โยมมาดาชื่อ ค้ำ มีอาชีพทำนา ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดา 9 คน
บรรพชาใน ปีพ.ศ.2477 เมื่อมีอายุ 19 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรกับหลวงปู่อุปัฌชาย์อ่อน ที่วัดบ้านก่อ (บ้านเกิดท่าน) เป็นการบวชหน้าไฟให้โยมมารดาซึ่งถึงแก่กรรมลง ตั้งใจจะบวชเพียง 3 พรรษา แต่เมื่อได้ศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ครบกำหนดแล้ว ก็ธรรมทำความรู้ในพระธรรมวินัยด้านปริยัติแตกฉาน จนสอบได้ นักธรรมตรี นักธรรมโท และนักธรรมเอก ติดต่อกันมาทุกปี ในปี พ.ศ.2478 อายุครบ 20 ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา โดยมีพระอุปัฌชาอ่อน เป็นพระอุปัฌชาย์ ที่วัดบ้านเกิดนั่นเอง และได้จำพรรษาอยู่ที่นั่น
ญัตติเป็นธรรมยุติ
ปี 2480 ท่านได้กราบลาพระอุปัฌชาย์อ่อนออกเดินทางติดตามพระอาจารย์มหาสีทน กาญจโน (ซึ่งเป็นญาติกันด้วย) โดยมีจุดหมายปลายทางที่ จ.อุดรธานี เมื่อเดินทางถึง จ.อุดรธานี หลวงปู่พระมหาสีทนได้นำท่านไปเปลี่ยนยัตติเป็นพระธรรมยุต ในวันที่ 17 ก.ค.2480 ณ วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมี ท่านเจ้าคุณพระเทพกวี (จูม พนฺธุโล) ต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระธรรมเจดีย์ เป็นพระอุปัฌชาย์ มีพระครูสาสนูปกรณ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูประสาทคณานุกิจ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อยัตติแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิสมภรณ์
เป็นมหาเปรียญ
เป็นมหาเปรียญ
หลวงปู่พระมหาโส เป็นพระผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัยปฏิบัติตามคำสอนขององค์ศาสดามาโดยตลอด ท่านแสวงธรรมทั้งในด้าน ปฏิยัติ(แสวงหาความรู้) ปฏิบัติ(แสวงธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า) ปฏิเวธ (แสวงหาธรรมด้วยปัญญาของตนเองเพื่อแสวงหาวิโมกติสุข) ถึงเวลาต่อมาในพรรษาที่ 12 ท่านก็ได้แตกฉากบาลี จนสอบเปรียญธรรมสนามหลวงเป็น "พระมหา" ได้สำเร็จ และในปีเดียวกันก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสที่วัดศรีหมากหญ้า อ.เมือง ด้วย แต่เป็นเจ้าอาวาสอยู่ได้ เพียง 4 ปี หลวงปู่มหาโส ก็สละตำแหน่งเจ้าอาวาส และออกธุดงค์ต่อเพื่อแสวงหาสิ่งที่เรียกว่า"พ้นจากวัฏสงสาร"อันเป็นเป้าหมาย สูงสุดของพระพุทธศาสนาต่อไป