วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ถาวรในตัวมนุษย์



ถาวรในตัวมนุษย์   พุทธศาสนาถือว่า  มนุษย์  แต่ละคนนั้นประกอบด้วย รูปและนาม  หรือการรวมกันเข้าของรูปกับนาม  จึงมีชื่อเรียกว่ามนุษย์  สภาพที่แท้จริงของมนุษย์คือไม่เที่ยง  เป็นทุกข์  และเป็นอนัตตา
ทรรศนะของปรัชญาปัจจุบันกล่าวว่า  ชีวิตนับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่พึงศึกษาเพราะหากรู้เรื่องอื่นๆ  มากมายแต่ไม่รู้เรื่องชีวิตของตนเองแล้วก็นับว่ายังไม่สมบูรณ์  เพราะจะมีอะไรเล่าจะสำคัญเท่ากับชีวิต  ในทางวิทยาศาสตร์ถือว่า  มนุษย์เกิดมาจากการตั้งครรภ์ของมารดา  ซึ่งเกิดจากการผสมกันระหว่างอสุจิและไข่  จากนั้นก็จะวิวัฒนาการไปตามลำดับจนกลายเป็นตัวทารก  ซึ่งทรรศนะทางวิทยาศาสตร์ก็เห็นตามที่ได้ทดลองมา  ซึ่งเชื่อว่าอสุจิเป็นเซลล์สืบพันธ์ของบุรุษที่เกิดมีขึ้นในต่อมเพศ เมื่อมีการร่วมเพศกันอสุจิจะถูกฉีดเข้าไปในช่องคลอดของเพศหญิงครั้งหนึ่งๆประมาณ ๒๐๐๔๐๐  ล้านตัว  แต่มีอสุจิเพียงตัวเดียวเท่านั้น  จะมีโอกาสผสมกับไข่  อสุจิมีขนาดเล็กมากโดยมีขนาดประมาณ .๐๐๓ มิลลิเมตรเท่านั้นไข่ซึ่งเป็นเซลล์สืบพันธ์ของผู้หญิงเป็นเซลล์ๆเดียวและมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ .๑๕ มิลลิเมตรใหญ่กว่าเซลล์ของเพศชาย  ประมาณ ๑๙๕,๐๐๐ เท่า 
การปฏิสนธิเกิดขึ้นโดยส่วนหัวของอสุจิเจาะผ่านเยื่อหุ้มรังไข่เข้าไปผสมกับไข่แล้วก็จะรวมกับนิวเคลียสเดียว  ไข่ก็จะเกิดเป็นเซลล์ใหม่  เซลล์ใหม่จะเจริญเติบโตขึ้นแล้วแบ่งตัวออกแบบทวีคูณคือจาก เป็น จาก เป็น จาก เป็น จาก เป็น ๑๖ ...ไปเรื่อยๆ  หลังจากตั้งครรภ์ได้ - วัน  เซลล์กำเนิดจะเจริญเติบโต  แล้วแบ่งตัวออกจนกลายเป็นกลุ่มเซลล์เล็กๆที่เชื่อมโยงกันอย่างหลวมๆ  กลุ่มเซลล์จะค่อยๆ  เคลื่อนลงไปทางหลอดมดลูกของมารดา  และฝังตัวอยู่ในผนังมดลูกแล้วเยื่อบางๆหรือรกก็จะเกิดขึ้น  ต่อจากนั้นก็จะกลายเป็นตัวอ่อนในครรภ์และได้รับอาหารจากมารดา  โดยผ่านทางรกเข้าไปทางสายสะดือ  เมื่อตัวอ่อนเจริญเติบโตนานพอสมควร  ปกตินานประมาณ เดือน  ก็จะคลอดออกมาเป็นทารกแล้วเจริญเติบโตเป็นเด็ก  และเป็นผู้ใหญ่ต่อไป



เพลง1.วัดแดนปฏิบัติธรรม - นพคุณ อรุณรุ่ง





 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons