วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ธรรมปฏิบัติ ตอน 1

บทความนี้เป็นบทต่อเนื่องจากเรื่อง รู้ธรรมคือรู้อะไร
และเรื่อง มาดูดอกไม้ไฟกันเถอะ
DSC01680..................................
ผมได้เขียนเรื่องการฝึกฝน ตัวอย่างการฝึกเพื่อการรู้กาย
ข้อ 1) ในขณะที่ท่านฝึกฝนอยู่นั้น ท่านสังเกตไหมว่า จิตใจท่านจะราบเรียบไม่มีอะไร แต่เมื่อการลูบแขนเกิดขึ้น ท่านก็รู้สึกได้ถึงการลูบนั้นได้
ถ้าท่านยังไม่เคยฝึก ผมแนะนำให้ท่านฝีกการลูบแขนก่อนสัก 30 นาที แล้วจึงมาอ่านเรื่องราวใน blog ของผมต่อไป
ข้อ 2) ทีนี้ สมมุติ ผมขอให้ท่านสร้างจินตนาการขึ้นมาว่า ท่านอยู่กับคนรักที่ตอนนี้หัวใจท่านสีชมพู ท้องฟ้าก็สดใส และคนรักของท่านก็ลูบแขนของท่านเหมือนดังข้อ 1
เมื่อเกิดการลูบแขนขึ้น ท่านย่อมรู้สึกได้ถึงการลูบ มันจะเหมือนกับการลูบในข้อ 1 แต่ตอนนี้ จิตใจท่านจะไม่เหมือนข้อ 1 แล้ว เพราะ จิตใจท่านจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข อยากให้อยู่อยางนี้นาน ๆ
ข้อ3 ) ทีนี้ สมมุติ ใหม่ว่า ท่านเป็นหญิง และโดนพวกบ้ากามฉุดท่านไปในบ้านร้างแห่งหนึ่ง พวกมันมีมากหลายคน มันก็จะรุมจับตัวท่านไว้ ปิดปากไม่ให้ร้องได้ แล้วเจ้าตัวหัวหน้าที่ตัวสกปรก มีกลิ่นเหม็น ก็เอามือมาลูบแขนของท่านเหมือนอย่างข้อ 1 เช่นกัน ในการลูบนี้ ท่านก็ยังรู้สึกได้ถึงการลูบที่เหมือนกับข้อ 1 และ ข้อ 2 ได้เช่นกัน แต่จิตใจท่านนั้นกลับระทมทุกข์มาก อยากจะหนีเหตุการณ์นี้ไปให้ได้โดยเร็ว
...............................
เหตุการณ์ 3 อย่างนี้ ผมกำลังจะชี้ให้ท่านเห็นดังนี้
A) ความรู้สึกที่เกิดจากการลูบแขน ที่เหมือนกันทุกอย่างที่เกิดขึ้น ในข้อ 1.2.3 นั้น คือ ความรู้สึกจริง ที่เกิดจริงในขณะนั้น ๆ ไม่มีการปรุงแต่งใด ๆ นี่คือ ความรู้สึก ที่เกิดขึ้นทางกาย ที่ผมบอกท่านว่า คือ ธรรม
B) อาการของจิตใจ ในข้อ 1 เมือ่ท่านไม่มีการปรุงแต่งในจิตใจ มันก็คือ .ความรู้สึกที่เกิดขึ้นทางใจ ก็คือ ธรรม เช่นกัน
C) อาการของจิตใจ ในข้อ 2 . 3 ตอนนี้ จิตใจท่านมีการปรุงแต่งที่เจือด้วยกิเลส มีการรู้สึกชอบใจ อยากได้ อยากเป็น ( ข้อ 2 ) และ อาการที่ไม่อยากได้ ไม่อยากเป็น ไม่ต้องการ ( ข้อ 3 ) นี่คือ การปรุงแต่งมันก็เป็นธรรม เช่นกัน แต่เป็น ธรรม + มาร ที่เกิดในขณะเดียวกัน
ซึ่งท่านอาจไม่เข้าใจว่า ทำไมข้อ C จึงเป็น ธรรม ได้ มันน่าจะเป็น .มาร เป็นกิเลส มากกว่า ขอให้ท่านอ่านต่อไป
ในการเกิดจิตปรุงแต่งที่ปุถุชน เข้าใจว่าเป็น .มาร.นั้น ลักษณะทางกายภาพที่สัมผัสได้ ก็คือ เป็นพลังงาน ที่วูบขึ้นมาเหมือนกัน ( ถ้าท่านเป็นผู้ที่จิตรู้แยกตัวออกมาได้แล้ว ท่านจะเห็นพลังงานนี้ได้ และจะเข้าใจได้ง่าย ) พลังงานที่วูบขึ้นมาที่รู้สึกได้ นี่คือ ความรู้สึก ที่ผมเรียกว่า ธรรม
แต่ในพลังงานที่วูบขึ้นมานี้ มีส่วนที่เป็นเนื้อความในพลังงานนั้นด้วย คือ ความพอใจ (สำหรับข้อ 2 ) หรือ ความไม่พอใจ (สำหรับข้อ 3 )
การปรุงแต่งจิตใจของปุถุชน จะเห็นแต่อาการพอใจ หรือ ไม่พอใจ ที่เกิดขึ้น แต่ไม่เห็นพลังงานที่วูบขึ้นมา และเกิดหลงเข้าไปยึดถือในเนื้อความของพลังงานนี้ จึงเกิดหลงเดินตามความพอใจ หรือ ไม่พอใจ ที่เกิดขึ้นตามเนื้อความของพลังงานนั้นทันที ในส่วนนี้ ก็คือ มาร ที่มันจะมาพร้อมกับ ธรรม (ทีเป็นพลังงานวูบขึ้นมา ) เสมอ
..................
ถ้าท่านอ่านไม่เข้าใจในข้อ C เรื่องพลังงานทีวูบขึ้นมา และ เนื้อความในพลังงานที่วูบขึ้นมา ผมจะยกตัวอย่างทางโลกเปรียบเทียบให้ท่านเห็น เมื่อท่านอ่านเรื่องทางโลกที่เป็นข้อเปรียบเทียบแล้ว ขอให้ท่านกลับไปอ่านข้างบนใหม่ ก็จะทำให้ท่านเข้าใจได้ดีขึ้น
สมมุติว่า มีขันอยู่ 2 ใบ ขันทั้ง 2 ใบถูกใส่กล่องที่เปิดฝากไว้ ท่านมองไม่เห็นขันทั้ง 2 ใบนี้ ขันใบที่หนึ่งใส่ก้อนน้ำแข็งที่เย็นจัดไว้เต็ม
ขันอีกใบหนึ่งใส่น้ำร้อนที่ร้อนจัดไว้ ท่านอยู่หางจากขันประมาณ 30 เซ็นติเมตร ท่านไม่เห็นขันเพราะถูกใส่กล่องไว้ แต่ท่านจะเห็นไอ ทีออกจากขันทั้ง 2 ใบ ไอที่ลอยขึ้นมาจากความเย็น และ ไอที่ลอยขึ้นมาจากความร้อน ท่านจะเห็นได้ว่าเหมือนกัน ( นี่คือพลังงานที่เกิดขึ้น )
แต่ ไอออกมาต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะไอหนึ่งจะร้อน อีกไอหนึ่งจะเย็น
ท่านจะเห็นทั้งไอ และ สัมผัสได้ถึง ความร้อน หรือ ความเย็น ของไอ นี่คือส่วนที่เป็นเนื้อความของพลังงาน ( ถ้าผมจะใช้ภาษาอังกฤษ จะทำให้ท่านเข้าใจได้ดีขึ้น ในส่วนเนื้อความนี้ก็คือ property ของไอ นั้นเอง
..................................
อีกตัวอย่างหนึ่ง ดูภาพ

สีแดง คือ เนื้อความ ( property ) ของวงกลมและมีการแปลความหมายออกมาว่า คือ สีแดง
ความพอใจ คือ เนื้อความ ( property ) ของพลังงานปรุงแต่งที่เกิดขึ้น โดยมีการแปลความหมายของพลังงานนี้ออกมาว่า นี่คือพอใจ
ความไม่พอใจ คือ เนื้อความ ( property ) ของพลังงานปรุงแต่งที่เกิดขึ้น โดยมีการแปลความหมายของพลังงานนี้ออกมาว่า นี่คือไม่พอใจ
..........................................
ในวิถีทางเดินแห่งการพ้นทุกข์ เมื่อท่านฝึกฝนการเจริญสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ได้ดีจน.จิตรู้.เกิดแล้ว ใหม่ ๆ ท่านจะเห็นพลีงงานที่เกิดขึ้นจากการปรุงแต่งได้ ( เปรียบเหมือนท่านเห็นไอที่ลอยอยู่ ) และ ท่านก็จะรู้สึกได้ถึงเนื้อความ ( property ) ในพลังงานที่เกิดนั้นได้ ( เปรียบเหมือน รู้ถึงว่า ไอนี่ร้อน หรือ ไอนี่เย็น )
นักปฏิบัติที่เข้าใจไม่ตรงทาง มักจะมีจิตใจที่น้อมเอียงไปในทางที่รังเกียจเนื้อความที่เกิดขึ้นในพลังงานที่ท่านเห็นมัน ยิ่งเป็นพลังงานทีแปลเนื้อความออกมาว่าเป็นความไม่พอใจ ความทุกข์ใจ ความหวุดหงิด ด้วยแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความรังเกียจมากขึ้นไปอีก <<< แต่นี้คือ การปรุงแต่งที่เกิดซ้อนขึ้นมาโดยที่นักปฏิบัติธรรมท่านนั้นยังมองแบบจิตใจไม่เป็นกลาง ยังหลงปรุงแต่งซ้อนขึ้นมาอีก
เมื่อท่านมีกำลังแห่งสัมมาสติ สัมมาสมาธิที่ตั้งมั่น มองพลังงานที่เกิดวูบขึ้นมาอย่างเป็นกลาง โดยไม่หลงยินดี ยินร้ายไปกับเนื้อความ ( property ) ของพลังงานที่เกิดวูบขึ้นมา ท่านจะเห็นไตรลักษณ์ของพลังงานวูบนี้ได้ และเข้าใจความเป็นอนัตตาของมันได้เมื่อท่านเห็นมันได้บ่อย ๆ
นี่คือ ท่านได้เห็นธรรม แล้ว
ขอให้ท่านลองสังเกต สภาวะแวดล้อมดูอีกครั้งว่า
ทุก ๆ ขณะ ท่านมีแต่การสัมผัสที่เป็นความรู้สึกที่รับรู้เข้ามาทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางจิตใจ นี่คือความรู้สึกที่สัมผัสได้จริง ที่ผมได้บอกท่านว่า นี่คือธรรม
แต่ถ้าท่านหลงไปในเนื้อความแห่งการปรุงแต่งในด้านที่เกิดพอใจ ไม่พอใจ ขึ้น นี่คือการหลงเข้าไปใน .มาร. แล้ว
ท่านจะเห็นว่า ธรรม และ มาร มันมาพร้อมกัน เพียงแต่ว่า ท่านรู้ทัน.มาร. หรือ ไม่เท่านั้น ถ้าท่านรู้ทันมาร ท่านก็เป็นพุทธ ถ้าท่านไม่รู้ทัน.มาร. มาร ก็จะจิกหัวท่านให้ท่านเป็นทาสของมันต่อไป
ธรรม เป็นเรื่องไม่ซับซ้อนและอยู่ในชีวิตประจำวันของท่านนั้นเอง ไม่ต้องไปหาที่ไหน ขอให้ท่านอ่านสักหลาย ๆเทียว แล้วพิจารณาตามว่า เรื่องราวเป็นอย่างไร ท่านอาจเข้าใจ.ธรรม. และหลุดจากการเป็นทาสของมารได้ตลอดกาล
....................
นี่เป็นบทความที่เขียนยากมากสำหรับผม และผมก็ไม่ทราบว่า ท่านอ่านจะรู้เรื่องหรือไม่ เพราะมันเป็นเรื่องเกียวกับปัญญาทางพุทธูศาสนา ถ้าท่านอ่านเข้าใจ บทความนี้ก็มีประโยชน์แก่ท่าน ถ้าท่านอ่านไม่เข้าใจในตอนนี้ ก็ขอเก็บไว้ใน blog ผมก่อนก็แล้วกัน แล้วในอนาคต ท่านอาจย้อนมาอ่านใหม่อีกครั้ง แล้วเข้าใจก็ได้ครับ

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons