ดูบ่อย ๆ ดูนาน ๆ ก็จะพบสิ่งที่เห็นได้ยาก
เวลาที่เราซื้ออะไรใหม่ ๆ มาสักอย่าง เช่น กระเป๋าใบใหม่ รถยนต์คันใหม่ คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ หรือ อะไรก็แล้วแต่ เรามักจะพบเสมอว่า พอเราเริ่มใช้สิ่งใหม่ๆ นั้น ไปสักระยะ เราจะเริ่มพบสิ่งที่ไม่ดี ไม่สมบูรณ์ ของเครื่องใช้ใหม่นั้นปรากฏออกมาให้เรารับรู้เสมอ
ที่เป็นอย่างนี้ เพราะว่า เราได้สัมผัสสิ่งนั้นบ่อย ๆ เข้า จากเรื่องที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนหน้า เราก็จะพบได้ในเวลาต่อมา
ในการภาวนานั้น สภาวะธรรมที่เห็นได้ยากยิ่งก็คือ ตัวจิต / ตัว มโน
ก่อนอื่น ต้องเข้าใจก่อนวา การเห็นตัวจิต/ ตัว มโน นั้น ไม่ใช่เป็นอย่างที่เขาพูด ๆ กันว่า
โกรธก็รู้ว่าโกรธ การรู้ว่าโกรธนี่ยังห่างไกลมากครับกับการเห็น ตัวจิต/ ตัว มโน
เพราะอาการโกรธ นี่เป็นเพียงสังขารขันธ์ อันเป็นจิตปรุงแต่ง ที่ไม่ใช่ ตัวจิต เลย
ถ้าท่านซื้อกระเป๋าใบใหม่มาใบหนึ่ง ยี่ห้อออกเป็นสำเนียงฝรั่ง แน่ละราคาย่อมแพงแสนแพงกว่ากระเป๋าทั่ว ๆ ไป เมื่ออยู่ในร้านค้า ท่านหยิบกระเป๋าใบนี้ขึ้นมามองดู มองทั่ว ๆ พลิกซ้าย พลิกขวา ดูบน ดูล่าง ดูอยู่นั่นแหละ ไม่ยอมมองสิ่งอื่นเลยนอกจากกระเป๋าใบนี้ ท่านอาจพบรอยตำหนิเล็กๆ ที่เห็นได้ยากบนกระเป๋าใบนี้ได้ แต่ท่านจะแปลกใจมากทีเดียววา พอท่านเห็นรอยตำหนิเล็ก ๆ นี้ได้แล้ว รอยเล็ก ๆ นี้กลับจะเป็นสิ่งที่เห็นได้ง่ายทันทีสำหรับท่าน ท่านไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ เลยที่จะมอง ก็เห็นรอยตำหนินี้ได้แล้ว
การเห็น ตัวจิต/ ตัว มโน ก็เช่นกัน ท่านต้องใช้จิตมองเข้าไปที่ จิต/ มโน ท่านต้องมองบ่อย ๆ มองให้เป็นว่ามองอย่างไร มองไปเรื่อย ๆ ที่จิต / มโน สักวัน ท่านก็จะพบ ตัวจิต / มโน ได้อย่างแน่นอน คล้าย ๆ กับการเห็นรอยเล็ก ๆ บนกระเป๋าที่ผมกล่าวไว้ข้างต้น ถ้าท่านมองไปแล้ว 1 อาทิตย์ ยังไม่เห็น ก็ไม่เป็นไรครับ มองต่อไป สักวัน ท่านก็เห็น ถ้าท่านรู้จักวิธีมอง
(วิธีการมอง การฝึก ผมได้พูดในกิจกรรมครั้งที่ 3 ไว้แล้ว ขอให้ท่านไปศึกษาได้จากที่นั่น )
การเห็นตัว จิต/ มโน ได้นั้น ท่านจะต้องผ่านการฝึกฝนสัมมาสติ สัมมาสมาธิมาก่อนอย่างโชกโชน ทีว่าโชกโขนก็คือ เกิดการแยกตัวของจิตออกจากขันธ์ได้ก่อน ถ้าจิตยังไม่แยกตัว ไม่มีทางเห็นได้ครับ
ถึงแม้ว่า นักภาวนาจะมีสัมมาสมาธิทีตั้งมั่นพอที่จะแยกจิตออกจากขันธ์ได้บ้างแล้ว แต่ในระยะใหม่ๆ ที่เพิ่งแยกตัวได้ การเห็น จิต/มโน ก็ยังไม่เห็นอยู่ดี ท่านยังต้องหมั่นฝึกฝนต่อไปเรื่อย ๆ ฝึกไปอย่าได้ท้อถอย อย่าได้หยุด
ตัวจิต นั้น จะเห็นได้ง่าย ถ้าอยู่สภาวะของจิตที่แยกตัวออกจากกายที่เป็นทุกขเวทนา เช่น ท่านนั่งสมาธิ จิตแยกตัวออกมาแล้ว เห็นขาที่ปวดแทบขาดใจอยู่ แต่จิตจะเฝ้่ามองอยู่อย่างไม่เจ็บปวดเลย นั่นแหละท่านจะรู้จักตัวจิต ก็ตรงนี้ในตอนแรก ๆ ได้
ส่วน มโน นั้น จะเห็นอย่างสักหน่อย ผมบอกใบ้ให้ ก็คือ มันอยู่ข้างหน้าของท่านนี่เอง มันอยู่ในตำแหน่งที่อารมณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เช่น ท่านเห็นอาการโกรธเกิดแล้ว ดับไป ที่นั้นแหละครับ ที่อาการโกรธเกิดแล้วดับไป นั่นคือ ที่ตั้งของ มโน
ใหม่ ๆ นักภาวนาจะเห็น มโน เป็นความว่างเปล่า ที่มันอยู่ซ้อนกับความว่างของอากาศ
ตรงนี้อธิบายได้ยากยิ่งให้เท่านเข้าใจ มันซ้อนกันอย่างไรหนอ
แต่ถ้าท่านหมั่นฝึกฝนไปเรื่อย ๆ สักวีน ท่านจะพบ มโน ได้เอง
ในสมาธิแบบฤาษี เขาใช้ความว่างของอากาศฝึกเป็นอรูปฌาน ฤาษี ไม่รู้จัก มโน จึงไม่อาจจะรู้ธรรมแท้ ๆ ของสุญญตาได้เลย แต่การเห็น มโน ของนักภาวนา นี่สำคัญนัก เพราะถ้าได้เห็นแล้ว ก็จะเริ่มต้นของการเข้าใจความเป็นสุญญตาขึ้นมาในภายภาคหน้าต่อไป
การรู้สภาวะธรรม มันจะมีจังหวะขั้นตอน ซึ่งล้วนที่ขึ้นกับกำลังของสัมมาสมาธิทีตั้งมั่น และการสร้างเหตุที่ตรง คือ การรู้จักวิธีฝึกโดยการมองเข้าไปใน มโน ให้เป็น ถึงแม้ยังไม่เห็น ก็รู้ไว้ก่อนว่า มันอยู่ที่นั่้นแหละ มองเข้าไปที่นั้น ก่อนเห็น มโน ท่านจะต้องเห็นอาการของกาย อาการของจิตที่มันเกิดดับแปรเปลี่ยนใน มโน ได้ก่อน นี่เป็นเครื่องบอกให้ท่านทราบว่า ท่านได้เข้าใกล้การรู้จัก มโน มาบ้างแล้ว ขอเพียงไม่ย่อท้อ ฝึกเข้าไป มองเข้าไปทีตรงนั้น ก็เท่านั้นเอง