วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ทำแท้ง เป็นวิบากของใคร?

20130919_112231เฮ้อ... ว่าจักไม่ข้องเกี่ยวเรื่องประเภทนี้แล้ว โดนมหาโอ๊ตส่ง ems. มาลากให้ไปออกความเห็น เรื่องทำแท้งเป็นประเด็นที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนทีเดียวของสังคม ข้าพเจ้าไม่อยากฟันธงลงไปหรอกว่า ผิด หรือ ถูก ควร หรือ ไม่ควร เพราะนั่นเป็นอัตตโนมติ ความเห็นของคนคนเดียว

ข้าพเจ้าอยากชี้ให้เห็นแค่ประเด็นทางธรรม ก่อนจักพาให้หลงประเด็นกันไปไกล

ในทางธรรมแล้ว สิ่งที่ต้องยึดไว้เป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์ปัญหา คือ บุญกับบาป อยู่คนละบัญชีกัน ครับ และหักล้างกันไม่ได้

ว่ากันโดยศีลแล้ว มันชัดเจนซะไม่รู้จักชัดยังไง ท่านว่า ปาณาติปาตา เวรมณี เว้นจากการฆ่าสัตว์ การทำแท้งอย่างไรก็เป็นการฆ่าสัตว์ ไม่ว่าเหตุผลมันจักน่าสงสาร ป้องกันปัญหาสังคม เข้าท่า ไม่เข้าท่า เพียงไร แค่ไหนก็ตาม ผลของมันก็คือความเป็นคนอายุสั้น เจ็บป่วยเป็นประจำ แยกเรื่องศีลออกมาเรื่องหนึ่ง จักได้ไม่สับสน

มีคนเคยถาม อ.เล็กว่า สัตว์ที่มันเจ็บป่วยทรมานมาก เราจึงฆ่าเสีย เพื่อให้มันหายทรมาน (เขาเรียกการุณฆาตใช่ไหม?) หรือญาติที่ป่วยทรมานมาก ขอร้องให้เราฆ่าเขาเสีย ดึงสายอ็อกซิเจนออกที หรือฉีดยาให้เขาหลับไปตลอดกาลให้หน่อย เราสมควรทำอย่างไร เป็นปาณาติบาตไหม ผลจักเป็นเช่นไร

ท่านใช้ปฏิปุจฉา ถามกลับว่า แล้วคุณมีสิทธิ์อะไร ไปกำหนดอายุขัยของเขา .... ตะดึกตึกโป๊ะ

เป็นปาณาติบาตไหม เป็นแหงม ครับ ครบองค์ประชุม สัตว์มีชีวิต รู้ว่าสัตว์มีชีวิต มีจิตคิดฆ่า พยายามฆ่า และสัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น คงไม่มีใครที่คิดถอดท่ออ็อกซิเจนออกแล้วหวังให้เขาหายใจได้เอง จักได้มีชีวิตอยู่เองแน่นอน ครับ

เรื่องนี้ฉิวเฉียด "อนันตริยกรรม" ทีเดียวเชียวแหละ ถ้าคนไข้คนนั้น เป็นพ่อเป็นแม่เรา ยกเว้นว่า หมอลงความเห็นว่า "brain dead" อย่างนี้ตายไปแล้ว ครับ ที่หัวใจยังเต้นอยู่ หายใจได้ ก็ด้วยเครื่องช่วย ครับ ไม่นับเป็นอนันตริยกรรม

ก่อนจักหลุดออกจากวงโคจรเรื่องทำแท้ง ย้อนกลับมาดูเรื่องบุญบาปกันหน่อย

เวลาทำบุญ ท่านว่า อย่าให้บาปแม้สักนิดเกิดขึ้นก่อนบุญ แม้ไข่มีเชื้อสักฟอง ก็ไม่ให้ตอก ทางที่ดีก็ไปซื้อเขามา ครับ ปลอดภัยที่สุด มิฉะนั้น บุญนั้นญาติโกโหติเกือก จักโมทนาไม่ได้ เพราะอกุศลมันครอบงำ

เหมือน ๆ กับการปฏิบัติธรรม ถ้าเราเริ่มปฏิบัติโดยมีโลภเจตนา อยากพ้นทุกข์ไว ๆ อยากได้มรรคผลนิพพานไว ๆ มีกิเลสครอบงำ สติตัวจริงอันเป็นมหากุศลจิต ไม่มีวันเกิด ฉันใดก็ฉันนั้น

ที่นี้ ข้าพเจ้าขอวิเคราะห์ในแง่กลับกันบ้างหล่ะ (ข้าพเจ้าไม่ได้ฟันธงหรอกนะ ครับ อาจจักเป็นอย่างที่ข้าพเจ้าวิเคราะห์หรือไม่ใช่ก็ได้) หากเป็นงานบาปบ้างเล่า เกิดมีบุญสักนิดเดียวเกิดขึ้นก่อน บาปนั้นก็ส่งผลไม่เต็มตื้น ถูกไหม?

จิตคิดฆ่าเด็ก กับจิตที่ไม่อยากให้เขาเกิดมาเป็นปัญหาสังคม มาทำร้ายสังคม เป็นผลร้ายต่อสังคมอีกมาก เป็นจิตคนละดวงกัน ครับ ให้ผลชนิดฟ้ากับเหว แต่ในเมื่อมันเกิดใกล้กันมาก ก็ยากจักบอกได้ว่า อย่างไหนเกิดก่อน ผู้ที่คิดจักทำ ต้องไปพิจารณาเอา หากจิตที่คิดมีเมตตาต่อสังคม ต่อตัวเด็กเอง เกิดขึ้นก่อน บาปที่จักทำต่อไปก็มีกำลังน้อย (ไม่ได้บอกว่าไม่มีผลนะ แค่ผลมันอาจถูกบั่นทอนกำลังลงด้วยอำนาจของเมตตาพรหมวิหาร) กลับกัน ถ้าจิตคิดฆ่า เพราะกลัวตัวเองลำบากมาก่อน เหตุผลกุศลจิตที่ตามมา จักกลายเป็นเพียงข้ออ้าง แล้วมีกำลังต่ำ เวลารับผลก็ซาบซ่านยิ่งกว่าซาสี่

เรื่องของจิตที่เป็นเรื่องปัจจัตตังมาก ครับ คนทำเท่านั้นถึงจักรู้ว่า เขาคิดยังไง มีเจตนาอย่างไร และไม่ต้องห่วงว่า เขาจักโกหกเลย ครับ คนเราโกหกคนได้ทั้งโลก แต่โกหกตัวเองไม่ได้เด็ดขาด ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก ฉะนั้นไม่ต้องไปตัดสินแทนเขาหรอก เขาจักตัดสินตัวเขาเอง เวลาไปนรก ไปสวรรค์ ไม่มีใครพาไปหรอก เราไปของเราเอง นรก สวรรค์ไม่เคยเต็ม เพราะเราสร้างนรก สร้างสวรรค์ของเราเอง

มีตัวอย่างเทียบเคียงอีกกรณีหนึ่ง มีคนถามหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ หรือหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ถึงการที่ทหารต้องฆ่าข้าศึกศัตรู จักมีผลเป็นประการใด

บาป เขาแปลว่า ความชั่ว บุญ เขาแปลว่า ความดี ทหารที่ต้องฆ่าข้าศึก จะว่าไม่ชั่วเลยมันก็ไม่ได้ มันก็มีชั่ว แต่ว่าการฆ่าสัตว์ ที่พระพุทธเจ้าตรัส การฆ่าสัตว์ มันก็ฆ่าเขาเหมือนกัน แต่ว่าเจตนาการฆ่าอย่างหนึ่ง แล้วก็สิ่งที่เราฆ่าอย่างหนึ่ง มันบาปมากหรือชั่วน้อย พระพุทธเจ้าตรัสว่าถ้าฆ่าสัตว์ตัวเล็ก มีโทษน้อยกว่าสัตว์ใหญ่ เพราะใช้กําลังใจน้อยกว่ากัน และประการที่สอง ฆ่าสัตว์ที่มีคุณ มีโทษมากกว่า ฆ่าสัตว์ไม่มีคุณ ทีนี้ก็สําหรับทหารฆ่าข้าศึก เราไม่ได้ฆ่าเพื่อส่วนตัว อย่าลืมว่า ทุกคนอยากมีความสุขใช่ไหม ถ้าเรานอนอยู่กับบ้าน เรามีความสุขกว่าที่ไปอยู่ชายแดน ถ้าเราอยู่ชายแดนนอนอยู่เฉยๆ ดีกว่าไปยิงกับข้าศึก นี่ว่ากันตามความรู้สึกของใจ เอาความสบายกันนะ แต่ว่าทุกคนก็เต็มใจทํา ไม่ได้ทําเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ประโยชน์ที่พึงได้รับก็คือ

-_16_390[4] ปวงชนชาวไทย ๔๗ ล้านคน จะได้เป็นเอกราช
- พระมหากษัตริย์เป็นประมุขของชาติ เป็นที่สักการะของปวงชนชาวไทย พระองค์จะทรงมีความเป็นอยู่เป็นสุข
- พระศาสนาจะทรงอยู่ได้
- ชาติจะทรงความเป็นเอกราช

นี่รวมความว่า การที่เราทํานี่ไม่ได้มีเจตนาทําเป็นส่วนตัว ทําเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และเพื่อปวงชนชาวไทย ถ้าจะถามว่า ฆ่าข้าศึกบาปไหม ก็ต้องตอบว่า บาป ถ้าจะถามว่า บาปมากหรือบาปน้อย ก็ต้องตอบว่าน้อย ทั้งนี้เพราะอะไร? เพราะว่า

๑. เราไม่มีความโกรธกับเขาเป็นส่วนตัว
๒. เราไม่ได้ทําเพื่อส่วนตัว เราทําเพื่อให้ส่วนรวมอยู่เป็นสุข เพราะว่าข้่าศึกมารุกรานประเทศไทย เราจําจะต้องรักษาไว้ ไทยทั้งชาติอาจจะต้องเป็นทาสเขา ถ้าเราหาความสุขคนเดียว แต่ว่าพี่น้อง ๔๗ ล้านคน จะมีความลําบาก
ทีนี้ ทหารที่มีความเสียสละ เป็นบุคคลส่วนน้อย ทหารนี่มีไม่มาก ถ้าใช้กําลังกันจริงๆ ถ้าจะเทียบกับบุคคลชั่วอยู่เบื้องหลังมีมากกว่า แต่ว่าเราทั้งหมดพยายามเสียสละเลือดเนื้อและชีวิต เพื่อปวงชนชาวไทย อันนี้เป็นความดี

รวมความแล้ว ทหารที่ต้องต่อสู้กับข้าศึก บางคราวอาจจะต้องตาย ที่เราทําอย่างนั้น เพราะอาศัยจิตเมตตา ทีนี้ตัวเมตตานี่ เป็นตัวดีเป็นตัวบุญ นี่คุณ…เป็นอันว่าทั้งสองอย่างเราทํามันก้ำกึ่งกัน

๑. เราฆ่าข้าศึก คือว่าเป็นบาป
๒. เราให้คนไทยที่อยู่เบื้องหลัง ๔๗ ล้านคน เป็นสุขนี่เป็นบุญ

ฉะนั้นการที่ทหารฆ่าข้าศึก จะถือว่าบาปไหม ก็ต้องถือว่าบาป แต่ว่าบาปของทหารมันมีนิดเดียว เพราะไม่ได้โกรธแค้นกันด้วยเรื่องส่วนตัว ถ้าเรื่องส่วนตัวเราคุยกันสบายๆ แต่นี่มาล่วงล้ำอธิปไตยของเรา เรายอมไม่ได้ในเมื่อเรายอมไม่ได้ เราต้องรักษาอธิปไตยของเรา นี่จะว่าบาปมันก็บาป นี่เป็นเรื่องของทหาร เรื่องของชาติเรื่องของบ้านเมือง แต่เรื่องของพระศาสนาก็เป็นเรื่องของพระศาสนา

คัดจาก หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๓

ทีนี้ก็ต้องมาพิจารณาเอาเองละ ครับว่า กุศลจิต กับอกุศลจิต บุญ กับบาป อย่างไหนมาก่อนมาหลัง อย่างไหนมีแรงมากกว่ากัน

สำหรับผู้ที่ยังไม่ท้อง ก็ขอเตือนว่า อย่าประมาท ครับ ชีวิตไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ

ส่วนผู้ที่ท้องแล้ว ก็ต้องบอกว่า ไม่ว่าใครจักว่าอย่างไร เหตุผลจักดีร้ายประการใด สุดท้ายคนที่ตัดสินใจ และลงมือทำ คือตัวเราเอง เราต้องเป็นคนรับผลกรรมนั้นเต็ม ๆ ไม่มีใครมาช่วยเราได้ ฉะนั้น ก็ขอให้จงตัดสินใจให้ดี คิดให้รอบคอบ ครับ

แม้ข้าพเจ้าเอง ก็เคยแอบฟังคนที่เขามีประสบการณ์ทำแท้งมาแล้ว บรรยากาศให้ห้องทำแท้งเถื่อนนั่น มันสยึ๋มกึ๋ยมาก ครับ ขนาดผู้ชายเข้าไปยังเสียวสันหลังวาบ ไฟในห้องจักทึม ๆ เหมือนหนังผียังไงยังงั้น อุปกรณ์การทำก็ไม่รู้ได้สุขอนามัยหรือเปล่า ผ่านจิมิ๊ของใครมาแล้วบ้างก็ไม่ทราบ มีกามโรคติดอยู่บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ แจ็คพ็อตอาจได้โชคสองชั้น เจ็บตัวแล้วอาจได้กามโรคกลับมาด้วย ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง โปรเขาแรงจริง ๆ

แล้วเขาก็เอาท่านไปแปะไว้บนขาหยั่งสแตนเลสเย็น ๆ สักพักใหญ่ ๆ ให้ท่านรู้สึกสยดสยองเล่น มันคงไม่ค่อยสนุกหรอก ที่เอาเราไปถ่างแข้งถ่างขาโชว์จิมิ๊อยู่บนนั้น จากนั้นก็เอาเหล็กสแตนเลสหน้าตาเหมือนอาวุธโบราณเย็นชืดละเลงด้วยเจลหล่อลื่น จิ้มเข้าไปในจิมิ๊ของท่าน ควาน ๆ ขูด ๆ เอาเด็กที่แปะติดอยู่กับมดลูกออก ท่านกำลังอยากจะร้อง หมอทำแท้งที่หน้าตาเหมือนฆาตกรโรคจิต (เพราะหมอที่ทำอาชีพนี้ ไม่ค่อยเห็นมีหน้าตาดี ๆ นะ) ก็ทำหน้าไร้ความรู้สึก เข้ามาใกล้แล้วกระซิบข้างหูท่านด้วยเสียงเยียบเย็นว่า "ทีทับไม่ร้อง ทีท้องก็อย่าบ่น ทนไป อยู่เงียบ ๆ ไม่งั้นจักเจ็บกว่านี้" ท่านจักอ้าปากร้อง แต่มันเจ็บเสียจนร้องไม่ออก ได้แต่อ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น นี่ไม่ได้ขู่เลยนะ เหตุการณ์จริงทั้งนั้น หลังการทำแล้ว ยังระบมช้ำในไปอีกหลายวัน ตกเลือดแล้วไปตายทีหลังก็มี และการทำก็ใช่ว่า จักให้ผลร้อยเปอร์เซนต์ บางทีขูดไม่ออกก็มี ค่าทำมีตั้งแต่ไม่กี่พัน ไปจนหลักหมื่น ยิ่งเด็กโตมาก ค่าทำยิ่งแพง

เข้าสู่ประเด็น คิดว่า เป็นวิบาก (ผลของกรรม) ของใคร ก็คิดว่า เป็นวิบากของทั้งสองฝ่าย อ.เล็ก เคยกล่าวไว้ว่า ไม่มีใครดี ไม่มีใครเลวหรอก ทุกคนล้วนถูกวิบากกรรมในอดีต บีบบังคับให้ทำนั่นทำนี่ ยามใดกุศลวิบากให้ผล เขาก็จักทำทุกสิ่งถูกต้องไปหมด ยามใดอกุศลวิบากให้ผล เขาทำอะไรก็ผิดไปหมดเช่นกัน 

เรื่องเด็กที่เกิดมา แล้วถูกทำแท้ง จักโกรธแค้นตามราวีผู้เป็นแม่หรือไม่ ก็ต้องถามกลับ ครับ สมมุติว่า ท่านพยายามมาเกิดเป็นคนอย่างมากมาย ผ่านการเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ทำทุกวิถีทาง สิ้นเวลาสักแสนปี แล้ววันหนึ่งท่านก็ทำสำเร็จ มาจุติปฏิสนธิในท้องของผู้หญิงสักคน แต่ยังไม่ทันมีโอกาสลืมตาดูโลก เป็นมนุษย์อย่างที่ใฝ่ฝันและพยายามมาแสนนาน วันดีคืนดีก็ถูกคุณแม่มือใหม่ ทำแท้งเสีย แทนที่จักได้เป็นคน ก็กลายเป็นสัมภเวสี ไม่มีที่อยู่ ไม่มีอาหาร ไม่มีเสื้อผ้าใส่ ต้องเร่ร่อนไป จนกว่าจักหมดอายุขัย ท่านจักรู้สึกอย่างไร เด็กที่ถูกทำแท้งก็รู้สึกอย่างนั้น และความจริงมันไม่ใช่แค่แสนปีเสียด้วย ครับ ส่วนใหญ่ถ้าขึ้นมาจากนรก ก็ใช้เวลาเป็นกัป ๆ ความแค้นก็คงทวีคูณตามกาลเวลาที่พยายามมาเกิดนั้น ถ้าถามความเห็นส่วนตัว ที่เขาว่า ทำแท้งแล้ว ทำมาค้าไม่ขึ้นจริงหรือ? ขอยืนยันว่า "จริง" ครับ ถามว่า ทำไมเด็กเขาไม่ไปราวีกับพ่อ? ตอบว่า เพราะแม่จักเป็นคนสุดท้ายที่ตัดสินใจทำ ครับ

หากทำไปแล้ว ก็คงต้องทำบุญอุทิศให้บ่อย ๆ ครับ อย่าคิดว่า ทำใหญ่ ๆ ครั้งเดียวแล้วเลิกกัน ทำครั้งหนึ่งไม่ต้องมากก็ได้ แต่ทำบ่อย ๆ คิดถึงเขาบ่อย ๆ มันก็เหมือนง้อแฟนนั่นแหละ ง้อนาน ๆ เข้า เขาก็ให้อภัยไปเอง

เอาละ มหาโอ๊ทให้ไปเม้นท์หน่อยเดียว ล่อไปซะหนึ่งเอ็นทรี่ยาว ๆ เอวังแค่นี้ดีฝ่า

ถ้าไม่จำเป็น อย่าได้ไปเกี่ยวข้องกับการทำแท้งกันเลย ครับ ทุก ๆ คน ฯ

edit @ 14 Jan 2011 13:02:44 by Dhammasarokikku

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons