วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

คุณแห่งพระพุทธเจ้า

เจริญพรท่านทั้งหลาย วันนี้เราก็ได้มาปล่อยปลากัน บางท่านก็มาหลายครั้งแล้ว บางท่านก็เพิ่งมาครั้งแรก เชื่อว่า หลายท่านมาด้วยวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน คือต้องการอานิสงส์ให้หายจากการป่วยไข้ ซึ่งส่วนใหญ่ ถ้าโรคเกิดจากกรรม ก็จักหายเป็นปลิดทิ้ง เว้นแต่โรคปัจจุบัน ซึ่งแม้ไม่หาย ก็อาจทุเลาเบาบางลงบ้าง

มีโยมอุปัฏฐากข้าพเจ้าอยู่คนหนึ่ง ป่วยด้วยโรคหัวเข่าเสื่อม เจ็บปวดทรมานมาก เรามาลองคิดกันเล่น ๆ ดูสิครับว่า หากเราไม่ได้พบพระพุทธศาสนา โยมคนนี้เขาจักทำเช่นไร เขาคงต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนค้นหาวิธีรักษาหัวเข่าของเขาสุดชีวิต หมอที่ไหนว่า ดี... ไป โรงหมอที่ไหนว่า รักษาเก่ง รักษาหาย... ไป อยู่ไกลสุดหล้าฟ้าเขียวยิ่งกว่าตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า ก็ออกไปตามหา เสียเงินเสียทอง เสียทรัพย์ไม่รู้เท่าไหร่ และก็ไม่รู้ว่า จักรักษาหายหรือไม่ หมอดีก็มี หมอที่หลอกลวงก็มี หมอไสยศาสตร์ก็มี ไม่รู้เลยว่า ออกไปค้นหา จักเจอหมอแบบไหน ถ้ารักษาหายก็ดีไป ถ้ารักษาไม่หาย นอกจากเป็นทุกข์ทางกายแ้ล้ว ก็เป็นทุกข์ทางใจเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย

"ทำไมต้องเป็นฉัน?" รับรองครับว่า คำถามนี้ต้องเกิดขึ้นในใจ ตามมาด้วย "นี่ฉันก็ทำความดีมาแทบตลอดชีวิต ฉันทำผิดอะไร? ทำไมฟ้าช่างไม่ยุติธรรม ทำไมต้องให้ฉันป่วยด้วย" ธรรมชาติมนุษย์เรา มีปกติโทษคนอื่น สิ่งอื่นนอกกายนอกใจตัวเอง ไม่เคยย้อนคิดถึงโทษของตัวเอง ก็เลยหาคำตอบไม่เจอ แล้วก็จมอยู่กับความไม่พอใจ ไม่เข้าใจชีวิต ทุกข์ใจ และกระเสือกกระสนดิ้นรนหาทางพ้นไปจากความเจ็บปวด จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต และบางทีอาจตายไปพร้อมทุกขเวทนาอันนั้น

แต่พอเราได้พบพระพุทธศาสนา ได้ศึกษาคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ที่ตรัสแสดงเรื่อง "กฏแห่งกรรม" โยมคนนี้ก็หวนระลึกได้ว่า ตอนเด็ก ๆ เคยไปจับตั๊กแตน และแมลงอื่น ๆ มาหักขา เพราะกลัวมันจะหนีไป เธอก็เข้าใจชีวิตขึ้นมาทันทีว่า นี่เป็นกรรมของเราเอง เป็นวิบากที่เราต้องรับ มิใช่ใครมาทำเราดอก

ทุกข์ในใจลดลงทันทีครับ ความไม่น่ารักไม่น่าพอใจลดลงทันที เพราะคนเรามีแนวโน้มจักอภัยให้ตัวเองมากกว่าให้อภัยผู้อื่นเป็นปกติ

นอกจากพระพุทธเจ้าจักสอนให้เราเข้าใจชีวิต เข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมแล้ว พระองค์ยังทรงสอนวิธีหนีกรรมชั่ว หรือบรรเทาความรุนแรงของวิบากเวลาที่มันเข้ามาสนองด้วย ซึ่งก็คือ การทำบุญ

วิธีหนีกรรมชั่วขั้นเมพขริง ๆ ก็คือ หนีเข้านิพพานไปเลยครับ ดูพระองคุลีมาลเถระ เป็นตัวอย่าง ฆ่าคนเสียเกินพัน แต่ไม่เห็นต้องกลับมาเกิดเป็นคน ให้ถูกเขาฆ่าเสียพันครั้งเลย หนีเข้านิพพานไปเฉยเลย

แต่การปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพานนั้น ใช้กำลังใจสูง บางทีอาจไม่สำเร็จในช่วงชีวิตเดียว ก็ให้เราตั้งความปรารถนาไว้ครับ สักวันเราคงได้พ้นทุกข์แน่ ๆ

ระดับรองลงมา ก็คือ ให้ทำบุญให้มาก ทำจนผลกรรมชั่วที่มีกำลังขนาดพาไปอบายภูมิได้ ไม่มีโอกาสให้ผล ซึ่งก็คือการปฏฺบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบัน วิธีปฏิบัติเคยเขียนไปแล้วใน มาเป็นพระโสดาบันกันดีกว่า อันนี้เชื่อว่า ทุกคนทำได้ในช่วงชีวิตเดียวครับ การปฏิบัตินั้นก็ไม่ยาก มีหลักปฏิบัติเพียง ๓ ข้อเท่านั้น คือ

๑.รักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์
๒.เคารพ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยใจจริง
๓.ระลึกถึงความตายเสมอ ๆ หรือ รักพระนิพพานเป็นอารมณ์

หลักฐานมีมาในพระไตรปิฎกครับ เรื่องของเด็กหญิงเปสการีธิดาอายุ ๑๓ ขวบ ทำแค่ ๓ ข้อนี้อยู่ ๓ ปี ก็ได้เป็นพระโสดาบัน

แต่หากการรักษาศีล ๕ ยังยากไปอีก พระองค์ก็ทรงสอนให้ไปทำทานครับ และทานที่เราทุกคนมาทำร่วมกันในวันนี้ ก็คือ การปล่อยปลา ให้ชีวิตเป็นทาน ซึ่งก็เข้าใจง่าย ๆ หากเราเข้าใจ "กฎแห่งกรรม" เราให้ชีวิตเขา เขาก็ให้ชีวิตเรา (ต่ออายุ) เราช่วยชีวิตเขา แล้วอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของเรา เ่จ้ากรรมนายเวรก็ให้อภัยเรา ไม่ยากใช่ไหมครับ? แต่ลองนึกภาพตามไป หากเราไม่ได้พบพระพุทธศาสนาหล่ะ? เราไม่มีทางคิดได้เองเลยว่า การเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น การช่วยชีวิตผู้อื่น มันมาสัมพันธ์กับการเจ็บไข้ได้ป่วย การตายก่อนเวลาอันควรได้อย่างไร จริงไม่จริง?

ข้าพเจ้าเห็นบางคนเจ็บป่วยทรมาน ชวนเขาไปปล่อยปลา เขาสวนกลับมาว่า ดีเลย ไปปล่อยปลากันเยอะ ๆ เดี๋ยวเขาจะได้ไปจับมากินให้หมด

มิจฉาทิฏฐินี้ เกิดจากการที่ถูกพร่ำสอนมาตั้งแต่เด็กครับว่า มีบางสิ่งบางอย่างสร้างสัตว์โลกทั้งหลายขึ้นมา "เพื่อเป็นอาหารของมนุษย์" ความไม่จริงเหล่านี้ คิดเอาเองได้ครับ ไม่ต้องให้พระพุทธเจ้ามาตรัสสอน

นี่ละครับ สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากสื่อถึงในวันนี้ นี่คือคุณของพระพุทธเจ้า ที่สอนให้เราเป็นสัมมาทิฏฐิ เห็นโลกตามความเป็นจริงว่า ทุกชีวิตล้วนรักชีวิตของตัวเอง ไม่มีใครอยากถูกฆ่า แต่ขณะนี้ เวลานี้ ชาวไทยภูเขาจำนวนหนึ่ง กำลังเชื่อว่า การฆ่าสัตว์ไม่เป็นบาป

เมื่อเราทราบคุณความดีของพระพุทธเจ้าแล้ว เราทำอย่างไรครับ? เอาข้าวของไปถวายท่าน ทดแทนคุณความดีของท่าน กระนั้นหรือ? อุปมาให้เห็นภาพ เหมือนพระเจ้าอยู่หัวของเราครับ เราซาบซึ้งกับความดีที่ท่านทรงพระราชกรณียกิจ เพื่อความผาสุขของชาวไทยมาตลอดการครองราชย์ เรารักในหลวงใช่ไหมครับ? แล้วเราทำกระไรให้ในหลวง? ทรัพย์สินทั้งหลายพระองค์ก็มีพร้อมบริบูรณ์อยู่แล้ว และท่านก็มิได้ต้องการทรัพย์สินกระไร สิ่งที่ท่านต้องการ ก็คือความผาสุขของราษฎร ถูกไหมครับ?

ลองนึกภาพตามครับ ถ้าวันนี้ในหลวงทรงมาบอกกับเราว่า เธอจงไปตายแทนฉันที เราจักยอมตายเพื่อพระองค์ไหม? หลายคนคงมีคำตอบในใจแบบไม่ต้องคิดมาก นั่นก็คือ การทำตามที่ท่านสั่ง ที่ท่านสอน อย่างไม่ลังเล ถูกไหมครับ? ความเป็นจริงในหลวงมิได้ทรงถึงขนาดอยากให้เราไปตายแทนพระองค์ แค่ต้องการให้ราษฎรทั้งหลายมีความสุข กินดีอยู่ดี แค่นี้เราช่วยพระองค์ได้ไหม? พระองค์อยากให้ราษฎรของพระองค์เป็นคนดี ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เราทำเพื่อพระองค์ได้ไหม?

เช่นเดียวกับสมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาครับ พระองค์ทำทุกอย่างมิได้หวังในอามิสสินจ้างรางวัลใด ๆ กระทั่งก่อนปรินิพพานยังทรงฝากคำสอนมาถึงพวกเรา ผ่านพระอานนท์ ว่าพระองค์สรรเสริญ การปฏิบัติบูชา ยิ่งกว่า อามิสบูชา หลายครั้งทรงตรัสให้โอวาทแก่พระภิกษุทั้งหลายว่า พวกเธอจงจาริกไป เพื่อประโยชน์สุขของมหาชน และทั้งหมดที่พระองค์ให้เราทำ ก็เพื่อตัวเราเองครับ

โอกาสนี้ข้าพเจ้าก็จักได้บูชาคุณพระบรมศาสดา และพระเจ้าอยู่หัวของเรา ด้วยการแบ่งปันพระธรรมคำสั่งสอนอันดีงาม วัตถุทานทั้งหลาย ไปยังชาวไทยภูเขาในถิ่นทุรกันดารบ้านห้วยมะน้ำซึ่งมีความเป็นอยู่ยากลำบาก และถอนความเชื่อผิด ๆ ในเพื่อนมนุษย์ ผ่านไปทางพระอาจารย์ฮวด ผู้ซึ่งไปจำพรรษาอยู่บนดอย ห่่างไกลความเจริญ และมีความกระตือรือร้นอย่างยิ่งในการเผยแผ่พระศาสนา ขอท่านทั้งหลายที่มีจิตศรัทธาได้นำข้าวของเครื่องใช้ ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภคบริโภค จตุปัจจัย มาร่วมบริจาคได้ในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ณ วัดเกษมสุริยัมนาจแห่งนี้ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ทุกท่านที่ได้สดับรับฟัง เทอญ ฯ

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ ฯ

ปล. ขึ้นธรรมาสน์แล้วจักวาดลวดลายได้เหมือนอยู่หน้าคอมฯ หรือเปล่า ต้องรอลุ้นกันต่อไปครับ 5555+

edit by Dhammasarokikku

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons