วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

กัณฑ์สังกาสหลวง

กัณฑ์สังกาสหลวง

1024

               

ศรีศรีสิทธิพระพรสุมังคละอาคมพรหมวิหาร  ศรีสถานดวงวิเศษ เป็นเหตุเพื่อให้สัตว์ทั้งหลายได้ตั้งอยู่สุขกระเสริมเติม คลองพระบรมโพธิสัตว์เจ้าแห่งเฮา อันได้สร้างโพธิสมภาร นานมาเป็นประทัดเพื่อให้จักได้เลียงลัดตัดผญาสัพพญุตตะญาณการเป็นพระศรีทะสะ นะขะสะโมธาน ถวายน้อมนมัสการแก่พุทธะบัวระบาท  โอกาศสุกกะวิสัย กุสละไมตรี จงมีแก่นาคครุฑ มนุสฺสา กุมภัณฑ์  คันธพยักข์  อารักขา เทพดา สุราสุรินทร์  อินทร์พรหมยมราชาธิปติราชคนฝูงฉลาดนักปราชญ์เจ้าทั้งหลาย จงฮ่ำเพิงหาหิตะนุหิตาประโยชน์  แก่ตนแลท่าน อย่าได้ขาด อย่าได้ประมาทจงตั้งใจฟังยังมหาสังกาสอันจักกาดยังปวระพุทธศาสนานานมีประมาณ ว่าได้ 5000 วัสสาแล ด้วยแท้พระพุทธเจ้าแหงเฮานี้ได้ละสังขาระธรรมแล้วแลบ่ฮู้เฒ่าบ่ฮู้เข้าพยาธิ แลบ่ฮู้ตาย บ่ฮู้เกิดตั้งกำเนิดในวัฏฏะสงสารเมื่อภายลุนเลยด้วยแท้ พระพุทธเจ้าแห่งเฮานี้ ได้สร้างโพธิสมภาร เสี้ยงกาละเหิงนานมีประมาณได้ 4 อสงไขย์ปลายแสนมหากัปป ผิดจักนับแต่เจ้าได้ลัทธะพยากรณ์แต่พระพุทธะบัวระบาท แห่งพระนอระราชทีปังกรเมื่อเจ้าได้เป็นรัสสีสุเมธรเจ้าจงได้เสวยศรีสมบัติใน บังคับผาสาทราชมณเฑียร มีประมาณว่าได้ 16 ขวบเข้าเจ้าจึ่งได้สืบราชศรีสมบัติเป็นเจ้ากษัตริย์แทนพ่อ นานประมาณว่าได้29 ปีสาวศรีนางนักสนม 6 หมื่นหน้าชื่นช้อยโสภามีนางยสุนทราพิมพาเป็นเค้า เจ้าจึ่งหลิงเห็นยังนางหนุ่มเหง้านักสนมบางพร่องนอนเปลือยตนเหยือยผมอยู่พี พาก บางพร่องนอนเบี้ยวปากแลขบฟัน เจ้าก็ยินอัศจรรย์ใจเจ้าอยู่บ่ปากบางพร่องนอนหยิ่งแข่วแลน้ำลายเหือยบาง พร่องนอนเปือยตนแลกายเนื้อ เจ้าก็คิดอ่วยเอื้อยินหน่ายสงสาร ในขันธะสันดานอยู่จีแจ้วๆ พระตนแก้วจึ่งหลิงเห็นยังคนทั้งหลายอันตายแลอันเฒ่าอันเข้าพระยาธิจิตตุบาท แลชรา จึ่งกล่าวว่า โอนอ สงสารนี้ตั้งเป็นอนาวาสบ่ห่อนคาดจากคำเฒ่าแลคำตายนอควรที่กูหนีไปขวนขวายหา ยังผญาสัพพญุตตะญาณดวงหยิ่งจึงควรแลด้วยแท้เจ้าคณิงในใจดั่งนี้แล้วเจ้าก็ จึ่งไลละปะเสียยังลูกแลเมียฮักอัคคะวอระราชมารดาบิดาแห่งตนเสียแล้วเจ้าจึ่ง เสด็จออกไปสถิตแทบประตูบังคับผาสาทแก้วแล้ว  เจ้าจึ่งอาณัติยังฉันนอามาตย์  ให้ไปห้างม้าแล้วยังม้าแก้ววอระคัณฐักมีฉันนะอามาตย์เป็นวระสหาย มีหมู่เทพนิกายทั้งหลาย อันมาแต่หมื่นโลกธาตุ พร้อมทุกภาคจักกาฬอันมีหมู่เทวดาทั้งหลายก็จึ่งมาฮับ จับโจมเอาแล้วยังตีนม้าแก้ววระคัณฐัก เจ้าจึงเสด็จลีลาคาพรากจากเมืองแก้วกบิลพัสด์บุรี เสี้ยงราตรีคืนฮุ่ง  ม้าแก้วพรุ่งผานผาย  ฝูงหมู่เทพนิกายทั้งหลายมาแห่แต่ทุกก้ามบุรีหนีไปบูชาแทบหริ่งน้ำอโนมานที พุ้นแล น้อยหนึ่งบ่มีนาน พระยามารก็จึ่งขึ้นขี่ช้างเมฆคะลามาอยู่ต่อหน้าจึ่งกล่าวว่าสิทฺธตฺถ ดูราเจ้าสิทธารถเอย เจ้ากูจงคืนเมือเสวยราชแทนเมืองพระบุญเฮืองตนพ่อท้อน้า ยังบ่นานประมาณว่าได้ 7 วันแล้วกรงจักรแก้วก็จักเกิดมาหาแลนา แต่นั้นเจ้าก็บ่อาลัยเจ้าจึ่งขี่ม้าไปสู่แม่น้ำอโนมานทีพุ้นแลแต่นั้นเจ้า จึงสถิตเหนือกองทรายอันดีวิเศษ แล้วถอดคันไซด้ามแก้วออกแล้วด้วยบารมีธรรมดวงหยิ่งฉินฺทิตฺวา เจ้าจึ่งตัดยังเกษเกล้าเกสีโมลี ชัดขึ้นเหนืออากาศด้วยราชอธิษฐานว่า ผิว่ากูออกบวชจักได้เป็นพระเจ้าแท้ขอให้เกษเกล้าแห่งกูอย่าได้ตกลงมาแทบแผ่น ดินจงบินบนอยู่เหนืออากาศ เมื่อนั้น  บั้นพระยาอินทาธิราชตนเป็นผัวนางน้อยนาถสุชาดาก็เอาหัวทูลกระอูบแก้ว ฮับเอาแล้วนำเมือฐาปนาตั้งไว้เหนืออากาศในชั้นฟ้าลาดตาวตึสาก็ปรากฏมาชื่อ ว่าธาตุเกษแก้วจุลลมณีก็มีมาเท่ากาละบัดนี้ด้วยแท้พระพุทธเจ้าแห่งเฮานี้ ทรงผนวชนานประมาณว่าได้ 6 วัสสาแล้วพระตนแก้วจึ่งเสด็จขึ้นสู่ข่วงศรีมหาโพธิ์แท่นแก้ว อันสูงได้ 18 ศอก เจ้าก็จึ่งอ่วยหน้าฮ่อต่อหนบัวระพาภาวนาอยู่เหนือแท่นแก้วพุ้นชะแลแต่นั้น น้อยหนึ่งบ่มีนาน พระยามารก็จึ่งไช้ลูกสาวมาลวงทั้งสามสาวอันงามชะแล้ม ๆ สองฝ่ายแก้มคือดั่งผิดคำจำให้นางทั้งหลายมากระทำมายาต้านต่อยิกคิ้วห่อเนือง นันเสียงจากันพีพาก เล่นหลายหลากมายา เอิ้นปากจาเชิ่งชู้ ตู่เตื้ออู่เอื้อกวยแขนอัศจรรย์เสียงหัวนันอะเห่ย  ปากจื้นเจ้ยเสียงเคลือ จับเจือกันจ่องนิ้ว ยิกคิ้วฟาดอยู่ลีลาเอิ้นปากจาอยู่จีแจ้ว ๆ ว่าพระยอดแก้วองอาจพระพุทโธเอย  สามิโกจอมมิ่งเจ้าก็บ่ต้านจักสิ่งจาดอมภริยาน้องแก้วบัดนี้พระผ่านแผ้วจอม ศรีเจ้าก็บ่มีอาลัยไมตรีฮักฮ่อ ก็บ่เตื้องต่อต้านการหมู่สงสารดอมอิตถีมารมากระทำมายาอาการต่อยิกคิ้วห่อ เนืองนันเพื่ออยากให้สัพพัญญูมีใจกระสันดอมตนสุทธะหยิ่งเมื่อนั้นบั้น สัพพัญญูเจ้าก็จึ่งกระทำกัตตุการแย้มหัวสะหน่อแล้วพระตนแก้วก็จึ่งกล่าวว่า ดูราอิตถียิงนี้เอยสูนี้ตั้งหากแม่นเชื้อชาติพระยามารแท้น้อมากระทำมายา อาการต้านต่อยิกคิ้วฮ่อเนืองนัน มีจิตกระสันดอมกูสุทธะหยิ่ง เพื่อว่าอยากได้องค์กูพระคถาคตะเมื่อเป็นผัวแก้วแทบเนื้อเทียมนอนสูแท้อันชะ ลือแต่นั้น บั้นพระภูธรกล่าวแล้วเจ้าก็ถ่มน้ำลายไปพีพาก ๆ เมื่อนั้นบั้นนางทั้งหลายลวดนั่งอยู่บ่ปากก้มหน้าหากละอายเลยกับกลายหายเป็น ย่าเฒ่าโฉมโชเศร้าชราการ เนื้อหนังยานดูกหลั่น ตีนมือปั่นไปมากก็จึงคืนเมือ หาพระยามารตนพ่อ ผู้มีใจหม่อบ่ทันพิจารณา  มีแต่ใจโกธากริ้วโกรธอยู่จีแจ้ว ๆก็จึ่งขึ้นขี่ช้างแก้วเมฆคะลา ผันผายมาลีหล่ายงวงบ่ายเบื้องอยู่ลีลัน ๆ เสียงสะทันนันหมี่ก้องงาช้างช้องสนสวน เต็มสถานข่วงเขตบางพร่องกับเพศเผี้ยงให้เป็นลัวบางพร่องฮวยคาถาให้เป็นม้า บางพร่องตบพกผ้าให้เป็นกวางแลเสือสางชองช่อ บีบติดต่อนังเนืองบางพร่องบังเกิดเป็นตาวเฮืองดาบเกล้า บางพร่องอ้าปากปิ้นแลบลิ้นออกขี่ตางลัว ทัว ๆแขนช้องช่อ บางพร่องแลบลิ้นต่อตามกัน เสียงนันเนืองทุกแห่งแก้ว ๆ แก่งกวยยิงบางพร่องบู๋ดำดินออกมาลี่หล่าย บางพร่องกดแก่งม้าวแลตาวแวง จาเสียงแข็งปากฮ้าย ล่าย  ๆ มืดมัวบนสน ๆ ลัวทั้งช้างว่าจักมาแป่ม่างเอ่าแท่นแก้วพระพุทโธ  สักโกเทวราชฝูงหมู่ท้าวมาดฟ้าแลอินทร์พรหม สนๆหนีลีหล้าวฝูงหมู่เทพท้าวลีลาหนี ทั้งนาคีแลครุฑนาคชะพาดพร้อมอนิจจัง  ก็บ่เหลียวหลังฮ่อแต่นั้นยังมีแต่พระพุทโธแก่นไท้ ไจ้ๆ ต่อบารมี อันเป็นดวงดีศรีดาบกล้าฟันแทงข้าฝูงหมู่พลมาร บ่มีนานแผ่นพื้นธรณี อันเป็นสักขีแท่นแก้ว อันได้ให้แล้วแต่ภายหลังอเนกชาติสํสารํ อันทำมาทุกชาติแก่พระมุนีศรีรัตนะตนแก้วโคดมบรมนาถพระชินะศาสดาฝูงหมู่บารมี 30 ดวงอันประเสริฐเกิดพร้อมทำมาปัญญาปารมีวัดแวดล้อม อฏิษฐานะบารมี อ้อมระวังดี  สีลบารมีเป็นหอกดาบเมตตาบารมี ผาบเป็นปืน เนกขัมบารมี ยืนตั้งต่อ    อุเปกขาบารมีก่อเป็นเวียง ทานบารมีเวียนระวังเป็นต้าย ขันตีบารมีกายเกิดเป็นหน้าไม้แลปืนไฟ  วิริยะปารมียายยังไปทุกแห่ง แกว่ง ๆ กวยยิง ถืกหัวมารทะลายเป็นเฝื่องฝูงบ่าวเบื้องก้ามฝ่ายผีมารทั้งผีสางฟ่ายเพทุกทีป บีปพ่ายพังหนี ธรณีควรอัศจรรย์ เขาสุเมรุผันอยู่คีค้วงๆน้ำสมุทรกว้างแตกตีฟองระนองระนอก บังเกิดเป็นเข้าตอกดอกไม้บูชาบังเกิดเป็นบุบผาบัวบานจีจุ่มจ่อ น้อยหนึ่งบานแบ่งสร้อยสังวาฬ  เต็มสถานเดียระดาษ ถวายบูชาพระบาทไท้ภูบาลแต่นั้นบ่มีนาน ปางเมื่อพระยามารมาเร็วเอาแท่นแก้วสัพพัญญูเป็นดั่งแผ่นธรณีหลวงจักผ่าพื้น เป็นสอง อันหนึ่งเป็นเสียงขวานฟ้าผ่าลงมาเสียงดังนันคีคื่น  นางธรณีตื่นเฮฮน  สนระวนใจคลีคล้อย ๆนางนาถน้อยสร้อยศรีธรีเจ้าจึงออกมาขอดมวยเกล้าเกษเกษี เป็นนทีไหลนองทีทาด ๆ  ช้างก้มขากระชัง งาสักดินก้นถั่งนทีดั่งฝันผายท่อพายหักทับท่าว พระยามารอ่านยินกลัว มือทูนหัวอยู่คลีคล้อย ๆ ก้มขาบไว้ประนมกร ยอมือแป๋ะวางคิ้วแทบเกษ เกษาถวายบูชาขาบไหว้พระแก่นไท้อนิจจัง ว่าพระพุทธังเอย ผายโผดข้าน้อยขออนุญาตโทษแท้ดีหลีแต่นั้น บั้นสัพพญูเจ้าก็บ่กลัวเกรงสังสักหยาดคือดังไกศรสีหราชตั้งอินทรีย์ พระก็นึกถึงเถิงบารมีธรรมเจ้าอยู่จีแจ้ว ๆเจ้าจึงได้เลียงลัดตัดผญาสัพพะญุตตญาณการเป็นพระ อฎฺฐงฺค เต สุริเยในเมื่อสายสุริยะตกต่ำพร้อมแพร่ฝูงหมู่พลมาร คือดังเสียงกระดานหลวงดังคลีคลึกคลีคลื่นพิลึกตื่นหนหวย ก็เอากันนองภายนอก มาอยู่อ้อมขอบจักกวาฬ  ในสถานอันนอกตั้งอยู่ขอบเขายุคันธรเพื่อว่าหาจักอุปมาบ่ได้ พระยอดไท้ตนบุญ  ในเมื่อสายอรุณพุ่งออกมาแล้วพระตนแก้วจึงได้เลียงลัดตัดผญาสัพพญุตตญาณ อัน เถิงนิรพานธรรมเจ้าอันบ่ฮู้เฒ่าบ่ฮู้เข้าพยาธิแลบ่ฮู้ตายบ่ฮู้เกิด บ่ฮู้ตั้งกำเนินในวัฏฏะสงสารเมื่อภายลุนเลยสิทธิสวัสดีสุรไมตรีจงมีแก่นาค ครุทมนุสสะกุมภัณฑ์คันธยักข์อารักขาเทพดา  สุราสุริน อินพรหม มหาราชาธิปติราชกับทั้งนางน้อยนาถราชธีตาเมฆลาเป็นเค้า เป็นเจ้าแก่ทั้งหลาย จึงโมทนาอ่อนน้อมทุกพร่ำพร้อมธรณีทั้งโลกีแลเถื่อนถ้องทุกทั่วท้องอ้อมขอบ จักกวาฬกับทังภูมิสถานที่นี้เป็นเค้าเป็นเหง้าแก่ทั้งหลายก็จึงมาโมทนา สาธุการอย่าได้ขาดแก่พระมุนีศรีรัตนมหาโคดมบรมนาถ พระชินศาสดามหาติโลกาจารย์ญาณสัพพัญญูเจ้าด้วยแท้สัพพัญญูเจ้าแห่งเฮา นี้      โผดปัณณสัตว์ทั้งหลายมีประมาณ 6 ล้านโกฏิปลายแสนโกฏิตัวสัตว์ทั้งหลายก็เป็นธรรมดาจารีตแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง หลายแต่ในกาละเมื่อก่อนพุ้น  สู่อันแล ด้วยแท้พระพุทธเจ้าแห่งเฮานี้โผดปัณณสัตว์ทั้งหลายบ่พอประทัดโดย ดั่งสัพพัญญูเจ้าล่วงไปเมื่อก่อน ก็จึงตั้งไว้ยังพระปวระพุทธศาสนานานประมาณ ว่าได้  5 พันวัสสาแล พระก็เยื่องโคมไต้ให้ฮุ่งเห็นหนทางแก่ปัณณสัตว์ทั้งหลาย พระก็ นำเอามายังรสธรรมเทศนาคือว่าโคมไฟไต้เบื้องประเสริฐ  เพื่อว่าให้สัตว์ทั้งหลายได้เมือเกิดในเมืองแก้วเลิศ     นีรพาน เจ้าก็ทรมานสั่งสอนสัตว์นิกรนานประมาณว่าได้  45 วัสสาแล้วพระตนแก้วจึ่งหลิงเห็นคนทั้งหลายอันข้องคาอยู่ในวัฏฏะสงสาร อันมีอาการแสนโศรกโทมนัสทุกข์ยากลำบากหนักหนาคือขันข์ทั้ง 5 แลโรคาอายตนะธาตุจิตตะมรณาตแล้วลวดเอาปฏิสนธิกำเนิดเกิดมาเป็นคนชราการเถิง ตนถ่อยเฒ่าโฉมโศรกเศร้าชราการเนื้อหนังยานดูกหลั่น ตีนมือสั่นไปมา มีทั้งหูหน้าตาหลงพงพาดพยาธิฮ้ายมีวิสัยแสนสิ่ง ไข่ขอดขึ้นผิวไฟ มีทั้งหืดสะไลไอสะหม่อง คอขดคล่อมก้มเป็นเวทนา แม่นว่าแสนเยียวยาก็บ่มีได้ แสนฮ้องให้ก็หากแควนดายแลนา แสนหนหวยน้ำตาไหลขี้มูกย้อยคล้อย ๆ ฮ่ำเฮฮน แม่นว่าแสนตีอกตีทวงก็บ่ห่อนคืนมาได้ ละคาบไว้เป็นหากลำบากดูดายหายชีวิตจิตวิญญาณ การมรเณตก็บ่ฮู้จักเหตุอันฮ้ายแล อันดีอันนี้ก็หากเป็นทุกข์ในวัฏฏะสงสารหลายหลาก อัน 1 นั้น 2หากฮักหากมักกันแล้ว เล่ามาอยู่พรากข้างเป็น 2 เป็นคลองทุกข์อันล้ำหยิ่ง ในห้องโลกโลกาการยากให้สะอื้นพรากจากคำฮักกันนั้น ก็บ่พรรณาได้ แม่นว่าแสนฮ้องไห้ฮ่ำเฮฮน สนลนตาเหลือกค้างตีนมือด่างขดโขทั้งตนโตแลเนื้อทุกข์อยู่เฮื้อสงสาร บ่มีสุขสำราญสักหยาด แม่นว่ามรณาตเมี้ยนเสี้ยงเขตอิทรีย์ตายเป็นผีเน่านูมเนื้อ ทุกข์เฮื้อสงสาร บ่มีนานเปื้องเป้งนิททะเหน่งเนานอนสาระมรณ์คอน ๆ ใจจักขาดไปช้อย ๆ ขี้มูกย้อยทังเหื่อหลามไหล  เสโท เม โท ไคเนืองเนต เสด็ดพุ้งขึ้นอือทือ ตีนมือแข็งกระด้าง   ค่าง ๆงั้งหลั่งไหล โมโหแลหูหิ้วหน้าหิ้วและตาหลุบ ทังคางหยุดแลแปลปั่น อกแค้นคลั่งเฮฮน พระทศพลแลเห็นแล้วพระตนแก้วจึงเสด็จเข้าสู่เขตเมืองแก้วกล่าวคืออมุตตะมหา นครนีรพาน เจ้าก็ทอดตนนอนเหนืออมระมัญจัง ในระหว่งไม้ฮัง 2 ต้นอันดีวิเศษ อันมีในประเทศเขตเมืองแก้วกุสินาราเจ้าก็จึงต้านจารจากับดอมมหาอานนท์ตนเป็น ลูกศิษย์แก้วแห่งตนว่า อนนฺทดูราอานนท์เจ้าอย่าได้จงใจแวนประมาทชาติห้องโลกีย์สัตว์ทั้งหลายเกิดมา ลางเทื่อมีลางเทื่อไฮ้ ลางเทื่อได้มาแล้วช้ำผัดเหล่าพลอยเสียเป็นผัวเมียกันอย่างได้เพิ่งใจเชื่อ ลางเทื่อนั้นเขาเบื่อใจชังด้วยโลภะโทสะโมหะจับจ่องบ่มีส่องเห็นอันฮ้ายมาถืก ตนแลนาเจ้าก็ท่อฮู้ขวนขวายเอาสัตว์ทั้งหลาย ข้ามย่านน้ำกว้างกล่าวคือวัฏฏะสงสาร   อันเห็นดั่งกูพระตถาคตนี้  ก็หาบ่ได้มีเลย อานนฺท  ดูราอานนท์เอย ในเมื่อกูพระตถาคตนีรพานไปแล้วนั้น  ท่อยังจักตั้งไว้ยังกองแก้วอันได้ 8 หมื่น 4 พันขันธ์ไว้ให้เป็นครูสั่งสอนแก่ปัณณสัตว์ทั้งหลาย เมื่อภายช้อยพุ้นชะแล อานนฺทดูราอานนท์เอย เมื่อศาสนากูพระตถาคตล่วงไปได้ 5  ฮ้อยวัสสาหากภิขุณีสงฆ์อันจักทรงจตุปาริสุทธิศีล  ตามระบินพุทธวาสตั้งเป็นบาทวินัย ก็หาบ่มีได้เลย ในเมื่อศาสนากูพระตถาคตล่วงไปได้พันวัสสาหาอรหันตาขีณาสาวกเจ้าตนประเสริฐ อันได้ให้บังเกิดยังอภิญญาณฌาณนิโรธโผดสัตว์นิกรนั้นก็หาบ่ได้เลยในเมื่อ ศาสนากูพระตถาคตล่วงไปได้ 2 พันวัสสา หาภิกขุสงฆ์  ตนจักทรงไตรปิฎกอันเป็นคำสอนพุทธวาส ตั้งเป็นบาทวินัยให้จบนั้น ก็หาบ่มีได้เลยในเมื่อศาสนากูพระตถาคตล่วงไปได้ 3 พันวัสสา หาภิกขุสงฆ์อันจักลงมาประสุมชุมชุมกันให้ถ้วน 4 ให้ฮู้ที่แจ้งว่าสังฆกรรมมีต้นว่าอุโบสถให้ผากฎว่าจตุตถะสีปัณณะรัสสี สามัคคีนั้นก็หาบ่ได้ ในเมื่อศาสนากูพระตถาคตล่วงไปได้ 4พันวัสสา หาภิกขุสงฆ์อันทรงไว้ยังไตรจีวรผ้าสังฆาผืนพิเศษเป็นคุณอติเรก อเนกกะโยคา ตามบุพพาจารย์เจ้านั้นก็หาบ่ได้ อานนฺทดูราอานนท์เอย ในเมื่อศาสนากูพระตคาถาล่วงไปได้ 5 พันวัสสา  มาตว่าบุคคละผู้ใด ได้ผ้าเหลืองน้อย ๆห้อยบ่าคั่วไปมา คนทั้งหลายเขาก็สมมติว่าบุคคลผู้นั้นเป็นภิกขุภาวะก็มีในกาละเมื่อนั้นแล ด้วยแท้ศาสนาพระตถาคตะก็โคมรพจบอยู่  5  พันวัสสาผิจักสังขยาเป็นเดือนได้  6 หมื่น ก็บ่มีคา ผิจักจากเป็นศีลน้อย ได้สองแสน 4 หมื่นก็บ่มีแผก ผิจักแจกเป็นวันอุโลสถได้สองแสน 4 หมื่น วันอุโบสถผิว่าจักกดเป็นฤดูได้หมื่น 5 พันฤดูมาปูเป็นประทัดผิว่าจักจัดเป็นวัน ได้ล้านแปดแสนวัน ผิดจักปันเป็นยาม ได้ 2ตื้อปลายแปดล้าน 8 แสนยามชะแลด้วยแท้ผิจักให้หมดศาสนาพระตถาคตก็จักหมดไปในปีชวดมุสิกะไทยยะ ภาษาว่าปีไจ้กดเข้าในคิมหันตะฤดูเดือน6 เพ็ญ วันพุธบริสุทธิ์มื้อเต้ายี่มีในนักขัตตะกฤษ์หน่วยชื่อว่าวิสาขายามแถใกล้ ฮุ่งพรุ่งเห็นหน้าอรุโณทัยไขรัศมีพีผ่าย ใสงามดูสะอาดแต่นั้นสัพพะสาริกธาตุเจ้าทั้งหลาย อันยายยังอยู่ทุกหมู่ไม้ไพรพะนอมจอมเข้าหิมะเวสทุกเขตด้าวกู่สังฆาทั้งมหา สุมทรอันเป็นที่อยู่แหง่ผีเชื้อน้ำแลผีเชื้อบก  นาคะภิพบตะหลบเมืองแมนแดนสวรรค์ก็มีแล  พระสารีริกะธาตุเจ้าทั้งหลายจึงเสด็จเข้ามาประสุมชุมนุมกันเหมือนดั่งพระ สุริยะเพศเสด็จย้ายหย่างลีลาขึ้นเหนือแท่นแก้ว แทบเค้าไม้ศรีมหาโพธิ์แล้วก็กลับพะแนงเช้งตะเกิงพระกายงาม 18 ศอกพระก็เล่งเปล่งออกยังรัศมี แต่ปฐเภณีพุ่งขึ้นเถิงอกนิฏฐพรหมพุ้นชะแล  ภายลุ่มทั่วพื้นน้ำมหาสมุทร นิลุทธะปัพพะตามีวัณณะวัณณา  วัคคะวัคคา ยามมะยามมาวระวราหลายหลากเหมือนโอภาสรัศมีผายแผ่ล้อม รัศมีล้อมระวังเวียน รัศมีมีเลียนทุกแห่งรัศมีแบ่งไปไกล ยังเล่ามาระวังระไวเวียนคอบ บ่ฮู้กี่ฮ้อยฮอบตนพระองค์  รัศมีทรงยียับยีหยั่ง  เป็นดั่งน้ำคั่งใส่ไตคำ ทันทีเขียวก็เขียวยียับๆ เหมือนดั่งปลีกแมงคับเหลื่อมยีเยืองทันทีเหลืองก็เหลืองหลายหลากคือดั่ง ไกรศรดอกมูลนาถน้อยสร้อยสุระภี จำปาปีกรรณิกาก้านเกษ บานพวงเพดอะโนชา ทันทีขาวก็ขาวดีสุทธะหยิ่ง พรรณเพี่ยงสิ่งสังขารคือดั่ง บุชชะบัวบานผิวผ่อง คือดั่งมุกแก้วส่องกายา ยังเล่ามาระวังไวเวียนคอบบ่ฮู้กี่ฮ้อยฮอบตนพระวงค์ ทรงสีปะแปบคือดั่งสายฟ้าแมบเฮืองฮวยคือดั่งสุวรรณะหงษ์คำผายพิลาศคือดั่งสุว รรณาเกี้ยวกาดพลันแดง  รัสมีแสงผายแผ่  แต่ทุกก้ามแวดวงยังยายองค์ทุกแห่งงามพ้นแพ่งเฮืองศรี ทันทีดำก็ดำงามยีหย่อง ๆ คือดั่งมุกแก้วส่องใสแสงทันทีแดงก็แดงงามสุดขนาดคือดั่งหงษ์สะบาดเพี่ยงบัว ใข  รัศมีไหลเหลืองอ่อนเป็นหมู่พร้อมกันอยู่สอนลอนทันทีอ่อนก็อ่อนแกมสิ่วขึ้น เหนือหว่างคิ้วเท่าฮอดเกษาอันนี้ก็พอแต่จะเป็นอุปมาเทียมเหตุจักให้หมด อุปเทศแท้  ก็ยังย่อมเหลือหลายรัศมีผันผายแผ่ คือดังเกิดแต่ฟ้าเกี้ยกล่อมคำแดง อมุตตะพ่ำเพ็งรัตนานิคมฮ้อยฮอบคือดั่งพระจันทร์แจ้งจอดเมืองแมน แสนดวงดาวเดียระดาษ คือดั่งพระสุริยาหยาดโอกาสผายผันฮุ่งเห็นกันมีวรรณงามเฮืองฮุ่ง งามเผี้ยงพุ่งกายาเหมือนดังสุวรรณะดาราเฮืองฮุ่ง ฮุ่งทั้งฟ้าแลทั้งดิน ทั้งอินทร์พรหมยมมะนาคแลอิศวร ชวนกันมาทุกภาค ถือธุงกระดาษและธุงไชย ธุงทองกวยและประธูปประทีปไต้ต่อตามเทียนบอระเวียนหลายหลากภาคเพี้ยงเล่นหลาย ประการเสพสังขารมวลหมี่ชะโพนพร้อมปี่ห่อและบั้งชอ ขับขานทอทุกทีปต้องต้อยติ่งตีสายเสพสวนเนระนาดมีทั้งพิณพาดพร้อมปี่ห่อเม็ง ระบำตระขิงโขนฟ้อนลำนำทุกเยื่อง ดวงแก้วแก่งอัศจรรย์เขาสุเมรผันคลีค้วง ๆ น้ำสมุทรกว้างแตกตีฟอง ระนองเป็นเข้าตอกดอกไม้ หว่านไหว้บูชาพระแก่นไท้ชินะศาสดา แล้วจึ่งขอโอกาสราธนาพระสัตถาโคดมบรมบพิตรเพื่อจักให้ประวุตติธรรมเทศนา อันเป็นที่สุดที่ช้อย เมื่อนั้นพระยอดสร้อยสัพพัญญูยังจักได้เป็นครูสั่งสอนแก่ปัณณะสัตว์ทั้งหลาย นานว่าได้ 7 วัน7 คืน พระตนแก้วจึงม้างยังพระหรึทัย ไขกระอูบแก้ว อันเต็มไปด้วยน้ำอมุตตะเสลาหวานช้อยโชตินิโรธเฮืองฮวย ผายไปเป็นรสสาธรรมเทศนา ลีลาไขสังโสดลีโลดเฮืองฮดหดทั้งอินทร์พรหม นาคครุฑ  มนุสสา แลอิศวรชวนกันมาโมทนาชมชื่นตื่นเต็มจักรวาฬ ก็หายบาปหายกรรมอันได้ทำผิดทุจริต 3 ประการ คือกายทุจริต วจีทิจริต โมโหกริ้วโกรธโสดเสียหมด  เหตุว่าตนได้ดูดกินยังน้ำอมุตตะเสลาใจหวานชื่นช้อย เมื่อนั้นพระยอดสร้อยสัพพัญญูท่อว่าได้เป็นครูแก่คนแลเทวดาทั้งหลายหมายว่า ได้ 7 วัน7 คืนแล้วพระตนแก้วจึงม้างยังปัญจะขันธ์สุวรรณะ ฮูป สูปจิตหนีไปทางใดก็บ่มีฮู้ฮอด ท่อว่าแยงยอดแก้วกล่าวคืออมุตตะมหานีรพานพุ้นชะแลด้วยแท้  จตฺตาโร ธมฺมา วุฑฺฒิธรรม 4ดวง มีอายุยืนยาววิเศษเป็นเหตุให้แล้วกิจการ ปฏิภาวนาถ้วน  5 อาโรคยา ถ้วน 6 อธิปเตยยะถ้วน 7 จงจำเริญองค์สมเด็จอัคคะวรราชครูเจ้าตนเป็นเหง้ากับทั้งเจ้าปวระลิสสา ตนทรง ศีลาธิคุณคามมากอดเยื้อนยากค่อยกระทำเพียร ใจเสถียรเถิงขนาดองอาจด้วยปัญญายังไปแก่ยังผงแผ่บารมี  มุฑิตาอุปกขาผายแผ่ล้อมจบไตยะเพทพร้อมฏีกา  โย  ชนา ไขอัตถาเฮียงฮาบ ขอให้ได้ผาบแพ้ฝูงหมู่พระยามาร คือว่าโพยภัยพิษพยาธิฮ้ายขอให้ผาบแพ้แล้ว ค่อยอยู่สวัสดีขอให้มีอายุยืนยาวอย่าน้อย ขอให้ได้ฮ้อยยี่สิบวัสสา ให้ได้น้ำมุทธาภิเศกอติเรกดีวันเสฏฐีอมุตตะโชคสิทธิโยคพร้อมลักขณา  สาธุ  สาธุ อนุโมทามิ โอกาสะ โอกาสะ ทานปารมีหลวงทุกแง่เงื้อมจักรวาฬ เจ้าจึ่งอฏิษฐานว่าสาธุเนอ  ผิว่าผู้ข้าจักได้เป็นพระแท้ขอจงให้ไตรคำอันนี้ ไหลขึ้นเมือเหนือแม่น้ำเนรัศธร จึงไปชอนอยู่เหนือหัวท้าวไกศรอันนอนไปทันตื่น คันว่าท้าวตื่นแล้วจงให้ท้าวช่วงเวลากับทั้งนางธรณีผู้ผิวงามอ้อนแอ้น กับทั้งนางธรณีหลวงกับทั้งพระยาบุญยวงทูลมือห้องนางแก้ว มารฮู้แล้วจึ่งมาเร็ว นางคาญเร็วมาฮอดน้ำผมออกเฮื่อฮวย พลมารหลายขะจัดพ่ายคอช้างฮ้ายก็หลางหักทบ ก็จับป๊ปไปทางใดก็บ่ได้พระก็ผูกศอกไว้เหนือหลังพาย มารหนหวยฮ้องให้อยู่แจ้ว ๆมารฮู้แล้วจึงก้มไหว้วันทาขออภัยโทษ โผดข้าเฒ่าถ่อยชราการข้าเฒ่าบ่ฮู่ว่าเจ้ามีบุญสมภารอันมาก จึงได้ตั้งหน้าช้างเข้ามาเร็วพระพุทธเจ้าข้าเฒ่าขออำลา มารพาหาวขึ้นมือฟ้าอ่วยหน้าสูวิสัยยนต์แห่งตนก็มีแล

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons