วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

ทุกอย่างเริ่มที่ตัวเราเอง

ทุกอย่างเริ่มที่ตัวเราเองเนาะ ความพยายามนั่นพยายามไปกี่ครั้งกัน? สิบหรือร้อย? ความจริงมันคืออินฟินิตี้ครั้งนะ ความรัก ความทรงจำ ไม่มีที่สิ้นสุด ของป๋าเบิร์ดเคยฟังปะ นี่คือการทำ "เหตุ"

"เหตุ" ของครอบครัวอันอบอุ่น ก็เริ่มมาจาก เรา "อบอุ่น" ก่อน อย่าเพ่อไปเรียกร้องความอบอุ่นจากผู้อื่นเลย (เพราะมันไม่เคยได้มานานนักหนา เรียกร้องไปก็เท่านั้น) เริ่มจากเราก่อน ความจางจืดของคำว่า "ครอบครัว" มันเริ่มก่อร่างสร้างตัวมานับสิบปี จักให้มันคลายตัวด้วยความเปลี่ยนแปลงของเราไม่กี่วันไม่กี่เดือน มันเป็นไปบ่ได้ดอก

ถ้าจักเหนื่อย ก็ขอให้เหนื่อยจากความพยายามอันไร้ผลนะ อย่าเหนื่อยเพราะไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นเลย มีแต่เหนื่อยใจที่ครอบครัวเราไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง
และความพยายามที่ดูเหมือนไร้ผลนั่น ความจริงมันก็มีผลอยู่ ที่คุณพ่อเขาเพ้ยอย่างนั้น ก็เพราะเขาน้อยใจที่ลูกสาวเขาไม่เคยถามไถ่สุขทุกข์เลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ยิ่งไปกินน้ำนั่นซะเอง อาจยิ่งดูเหมือนเป็นการประชดซ้ำเข้าไปอีก คราวนี้ที่ห่างอยู่แล้ว เลยยิ่งห่างกว่าเดิม (พยายามอะไรของเอ็งฟระเนี่ยะ) ที่คุณแม่เขาพูดอย่างนั้นก็เหมือนกัน โดยนัยมันแปลได้ว่า ถึงแม้เราจักทำอาหารได้อร่อยเอร็ดแค่ไหน สุดท้ายมักทิ้งทุกอย่างไว้ให้คุณแม่ล้าง แค่งานประจำวันก็เหนื่อยพอแล้ว ยังต้องมารบกับเครื่องครัวที่เราทำเลอะด้วยความสุดปรารถนาดีอีก
มันต้องมีสิ่งที่เราทำให้พ่อแม่ผิดหวังอยู่บ้างละนะ ไม่งั้นครอบครัวมันคงไม่ห่างเหินขนาดนี้ แต่ด้วยความที่เราเป็นคนหัวแข็ง ไม่ยอมโทษตัวเองก่อน ไม่รู้จักคำว่า ขอโทษ หนูเสียใจ กระไรเทือกนั้น หลายเรื่องเข้า ผู้ใหญ่เขาถึงปั้นปึ่ง ทั้งที่ความจริงอยากให้อภัยใจจักขาด อยากกอดลูกเหมือนเดิม เหมือนครั้งหนึ่งที่ตีนยังเท่าฝาหอย ไม่ใช่เถียงคำไม่ตกฟากเหมือนทุกวันนี้ เขาเลี้ยงเขาอุ้มเขาป้อนนมมาเองกับมือ ทำไมเขาจักไม่รัก?

ในแง่ของเรา เราอาจรู้สึกว่า เราไม่ผิด ก็แมร่งไม่มีเวลาเลี้ยงดูกรู ให้ความอบอุ่นกรูเองนี่หว่า แถมยังมาคาดหวังอะไรบ้า ๆ บอ ๆ จากกรูอีก แต่ถ้าลองเข้าไปนั่งในใจคุณพ่อคุณแม่ มองโลกจากตาพวกท่าน พยายามทำความเข้าใจท่านให้มากขึ้น ก็จักเห็นความรักที่ท่านมีให้ แม้ไม่ได้อยู่ในรูปแบบที่เราต้องการก็ตามที
ผู้ใหญ่มักรู้สึกว่า ที่พวกอั๊วะเหนื่อยสายตัวแทบขาด ก็เพื่อให้พวกลื้อได้เรียนสูง ๆ มีหน้ามีตาทัดเทียมเพื่อน ๆ มีสังคมดี ๆ ได้งานดี ๆ ไม่ต้องมาทำงานเหนื่อยแทบตายอย่างอั๊วะ สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เงินเป็นสื่อแลกเปลี่ยน ฉะนั้นที่อั๊วะไม่มีเวลาเลี้ยงพวกลื้อ จึงไม่ใช่เรื่องผิด มีแต่พวกลื้อที่ไม่เคยสำนึกในบุญคุณของอั๊วะที่สู้ลำบากเพื่อพวกลื้อ

คนเรามีปกติโทษผู้อื่นก่อนเสมอ ไม่เชื่อลองนั่งเงียบ ๆ สักพัก แล้วถามใจตัวเองดูสิ
สิ่งที่ทำได้ ไม่ใช่มัวนั่งโทษคนอื่น ก็พ่อเป็นเสียอย่างนั้น ก็แม่เป็นเสียอย่างนี้ ก็พี่ไปเป็นอย่างโน้น ก็น้องมันไม่ได้เรื่อง แต่เริ่มโทษตัวเองก่อน พอเห็นความไม่ดีของตัวเอง ก็ตั้งหน้าตั้งตาพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม อบอุ่นกว่าเดิม รู้จักการให้อภัยก่อน รู้จักนอบน้อมก่อน รู้จักการขอโทษก่อน สิ่งเหล่านี้บางทีไม่ต้องออกมาเป็นคำพูด แต่ด้วยการกระทำ ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลง และต้องพัฒนาไม่หยุดยั้งนะครับ ไม่ใช่ว่า พอไม่ได้รับผลตอบรับที่ดี ก็หยุดพัฒนาตัวเอง หันไปทำตัวแย่ ๆ เหมือนเดิม แล้วก็มานั่งถอนหายใจ เฮ้อ... เฮ้อ... ไมชีวิตแมร่งเป็นอย่างนี้วะ? อย่างนั้นอาจต้องถอนหายใจไปตลอดชาติ
ถามตัวเองก่อนครับว่า "ทำดีที่สุดหรือยัง?" "ที่ดีกว่านี้ ทำได้อีกไหม?" ทำจนสุดความสามารถ ทำอย่างชนิดที่ว่า หากมีใครสักคนในครอบครัวตายจากไปพรุ่งนี้ ฉันจักไม่เสียใจเลย เพราะฉันได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว นั่นละ ทำแบบนั้นไปเรื่อย ๆ

หากมันไม่มีผลใด ๆ เกิดขึ้นเลย (แต่เชื่อว่า คงต้องมีผลไม่มากก็น้อย) ก็จง "ทำใจ" รับสภาพที่เกิดขึ้นครับ เพราะไม่มีใครทำให้เกิดขึ้น นอกจากตัวเราเอง เราทำ "เหตุ" ไว้ในอดีต เราก็ต้องรับ "ผล" ของเหตุนั้น (เหตุที่ว่า อาจไม่ใช่เหตุจากชาตินี้นะครับ อาจถอยไปอีกหลายชาติที่เราเคยทำกรรมไม่ดีไว้) จงมองพ่อเราอย่างที่พ่อเราเป็น มองแม่เราอย่างที่แม่เราเป็น มองพี่มองน้องมองญาติมองเพื่อนอย่างที่เขาเป็น อย่าอยากให้ไก่เป็นเป็ด อย่าอยากให้เป็ดเป็นไก่ อย่างน้อยในครอบครัวก็มีคนที่มีความสุขเพิ่มขึ้นมา ๑ คน ก็คือตัวเราเอง
หมั่นสร้าง "เหตุ" ไว้ แต่ไม่หวัง "ผล" สักวันหนึ่งที่เหมาะสมด้วยเหตุและปัจจัย "ผล" ก็จักเกิดเอง และวันที่รับผลก็สุขเกษมเหลือจักเอ่ย
วันนี้ ท่านเริ่มสร้าง "เหตุ" หรือยัง?

เจริญธรรม ฯ

by Dhammasarokikku

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons