วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

How to ภาวนาอย่างไรให้มีทรัพย์ไม่ขาดสาย ตอนที่ ๓

images6

คุณน้อง : นมัสการค๊า... แหมหลวงพี่ กลับมาเป็นเฮอร์คิวลิส อัพบล็อกเป็นพายุบุแคมอีกแล้วนะคะ
สมีรี่ : เจริญพรจ้ะ อารมณ์มันไม่เที่ยงหน่ะคุณน้อง เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เพราะมันเป็นไตรลักษณ์
คุณน้อง : มาว่าเคล็ดวิชากระบี่ไร้ใจ หัวใจไร้โลภ ของหลวงพี่กันต่อดีกว่า แอบกั๊กมาหลายเอ็นทรี่แล้วนะคะ
สมีรี่ : โอเค ๆ วันนี้ได้แน่ ๆ ความจริงเคล็ดวิชา มันไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่คุณน้องรู้จักพระยาวสวัตตีมาราธิราช หรือเปล่าจ๊ะ

คุณน้อง : เอ๊ะ... ชื่อคุ้น ๆ เป็นญาติกับพระยาพิชัยดาบหัก หรือเปล่าคะ
สมีรี่ : เบ้ย... ว่าไปโน้น เป็นญาติกับพระเจ้าพิมพิสารต่างหาก เฮ้ย... ม่ายช่ายแร้ว คืองี้ คุณน้องรู้ใช่ไหมว่า สวรรค์มี ๖ ชั้น
คุณน้อง : อ้าว... ไม่ใช่มี ๗ ชั้นหรือคะ เห็นใคร ๆ เขาก็ขึ้นสวรรค์ชั้น ๗
สมีรี่ : ม่ายช่าย... นั่นเขาเปรียบเปรย ถึงความสุขแบบโคตร ๆ ยิ่งกว่าสวรรค์ ๖ ชั้นอีก อะไรเทือกนั้น มักเอาไปใช้ในความหมายติดเรท

คุณน้อง : อ๋อ... จุดจุดจุด กัน ใช่ไหมคะ
สมีรี่ : ใช่แล้ว จุดจุดจุด นั่นละ ความจริงแล้ว มันไม่ได้สุขจริงอย่างที่เขาเปรียบเปรยหรอก สุขแป๊บ ๆ เดี๋ยวก็ทุกข์ใหม่
คุณน้อง : แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับพระคาถาเงินล้านคะ
สมีรี่ : เกี่ยวซี้ ก่อนจะเข้าไปดองข้องเกี่ยวตุนาหงัน มันต้องอารัมภบทกันไปก่อน คุณน้องทราบไหมว่า สวรรค์ ๖ ชั้นมีอะไรบ้าง

images5
คุณน้อง : เอ่อ ๆ ... เหมือนเคยอ่านในไตรภพ ตอนเด็ก ๆ มันมีจริงด้วยหรือคะ
สมีรี่ : บ้าสิ ไตรภพนั่นเป็นพิธีกร เขาเรียกว่า ไตรภูมิ ต่างหาก ไตรภูมิพระร่วงหน่ะ ไม่ใช่แค่นิยาย มีจริง ๆ นะ รายละเอียดเคยพล่ามไปแล้วในเอ็นทรี่ ผมมีองค์รู้หมด ก็อย่างงี้ไง-ไตรภูมิภาคพิสดาร ตอนที่ ๕ (ตอนจบ) วันนี้มาว่ากันย่อ ๆ ก็แล้วกัน ชั้นแรกชื่อ จาตุมหาราชิกา เป็นที่อยู่ของเทวดาจตุมหาราชทั้งสี่ ได้แก่ ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ และท้าวกุเวร หรือท้าวเวสสุวัณ หรือที่เขาเรียกกันว่า ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ผู้โด่งดังนั่นเอง เทวดาในชั้นนี้ จะอยู่ใกล้มนุษย์ที่สุด มีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์มากที่สุด ถัดมาเป็นชั้นดาวดึงส์ ชั้นนี้่ เป็นชั้นที่มีประชากรเทวดานางฟ้า หนาแน่น มากมายที่สุด พระอินทร์ก็อยู่ชั้นนี้ สูงขึ้นไปเป็นชั้นยามา คนจะมาอยู่ชั้นนี้ได้ ต้องชอบสวดมนต์ ถัดขึ้นไปเป็นชั้นดุสิต เป็นแดนของพระโพธิสัตว์บารมีสูง และพระอริยเจ้า เหนือขึ้นไปเป็นชั้นนิมมานรดี และปรนิมมิตตวสวัตตี ตามลำดับ คุณน้องฟังตามทันไหมจ๊ะ
คุณน้อง : ...
สมีรี่ : อ้าว... ทำไมนั่งเอ๋อ น้ำลายยืดอย่างนั้นล่ะ

คุณน้อง : คือ... กะว่า จะมาเอาเคล็ดวิชาของหลวงพี่สมปองอะค่ะ มันไปเกี่ยวอะไรกับสวรรค์ ๖ ชั้นเจ้าคะ นี่หลวงพี่จะแอบลากให้เอ็นทรี่มันยาว ๆ แล้วก็ยกยอดไปต่อเอ็นทรี่หน้า เหมือนเอ็นทรี่ที่แล้ว แทงกั๊กอีกหรือเปล่าเนี่ยะ
สมีรี่ : ไม่ช้าย ไม่ใช่อย่างน้าน (บ๊ะ... รู้ได้ไงฟระ) ฟังให้จบก่อนซี้ จะรีบไปไหนเล่า จุดสำคัญมันอยู่ที่สวรรค์ชั้นที่ ๖ สุดท้ายนี่ละ เป็นที่อยู่ของพระยาวสวัตตีมาราธิราช

คุณน้อง : อ๋อ... พญามารนั่นเอง ที่ยกทัพไปรบกับมหาบุรุษ วันที่จะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ใช่ไหมเจ้าคะ
สมีรี่ : แม่น
คุณน้อง : รู้จักค่ะ รู้จัก แหม... เล่นตั้งชื่อซะไพเราะเพราะพริ้ง จำไม่ได้เลย องค์นี้ที่เป็นเทวดามิจฉาทิฏฐิ บนสวรรค์ที่มี ๒ พรรค ใช่ไหมเจ้าคะ
สมีรี่ : แม่น

คุณน้อง : ที่มีพรรคเทพ กับพรรคมาร ใส่เสื้อสีเหลือง กับสีแดง ใช่ไหมเจ้าคะ
สมีรี่ : ไม่ใช่แล้ว พวกนั้นนั่นพรรคมารทั้งคู่ เขาเรียกว่า พรรคกิเลสมาร ชอบยั่วให้คนทะเลาะกัน บนโน้นเดี๋ยวนี้พรรคมารเขาแปรพักตร์ มาเข้ากับพรรคเทพแล้ว หลวงพ่อท่านเลยตั้งชื่อให้ใหม่เสียโก้ว่า "พระยามาราธิราช" คือ สมัยก่อนท่านเป็นมิจฉาทิฏฐิ กลัวมหาบุรุษบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จะพาสรรพสัตว์พ้นไปจากวัฏสงสารทั้งหมด สมัยที่ท่านจุติลงมาอุบัติเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง เดี๋ยวจะไม่มีญาติโยมให้โปรด ก็เลยลงมาราวีมหาบุรุษ ไม่ให้บรรลุธรรม ตอนหลังนี่ ท่านเข้าใจแล้วว่า สรรพสัตว์ในวัฏสงสารนั่้น ไม่ได้หมดกันง่าย ๆ

imagesCAW5ODTB

คุณน้อง : โถ... แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก อย่างนี้รู้ค่ะ บนสวรรค์ชั้นนั้น แบ่งออกเป็นสองโซน โซนสัมมาทิฏฐิ กับมิจฉาทิฏฐิ ไม่ข้องแวะกัน และมีอานุภาพมากทั้งคู่ แต่เอ๊ะ... มันไปเกี่ยวอะไรกับคาถาเงินล้านคะ
สมีรี่ : โห... บทจะรู้ขึ้นมา รู้ซะละเอียดเลย บอกแล้วว่าเกี่ยว คืองี้ เทวดาชั้นนี้ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ เขาก็มีหน้าที่คอยสอดส่องดูแล ใครจะหนีออกจากวัฏสงสาร ท่านจะไปทดสอบกำลังใจทันที อย่างเดียวกับที่ทดสอบกำลังใจมหาบุรุษนั่นแล
คุณน้อง : ค่ะ แล้วไงต่อคะ
สมีรี่ : ส่วนเทวดาที่เป็นสัมมาทิฏฐิ เขาก็คอยสอดส่องดูแลช่วยเหลือเหล่ามนุษย์ที่กระเสือกกระสนดิ้นรนให้พ้นจากสังสารวัฏเหมือนกัน ทีนี้ หลวงพี่สมปองท่านแนะวิธีบริกรรมที่ได้ผลมากว่า ให้นึกเหมือนกับว่า เราเป็นคนไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเป็นของเรา

คุณน้อง : ยังไงคะ
สมีรี่ : คือทำอารมณ์ใจประมาณว่า ของในโลกนี้ ไม่มีอะไรเป็นของเราสักอย่าง เราเป็นคนไม่ีมีอะไร แล้วก็บริกรรมไปเรื่อย ๆ อย่างเงินทั้งหลายนี่ มันของเราซะที่ไหน ถ้ามันเป็นของเราจริง ได้มาแล้ว มันก็ต้องอยู่กับเราสิ นี่พอมันเข้ามา เดี๋ยวมันก็ไหลออกไป ได้รับมา เดี๋ยวก็ต้องใช้ออกไป ไม่มีอะไรเป็นของเราถาวรสักอย่าง สมบัติผลัดกันชม หรืออย่างรถ บ้าน มันก็ไม่ใช่ของเราถาวร ย้ายเข้า เดี๋ยวก็ย้ายออก ซื้อมา เดี๋ยวก็ขายไป วนเวียนกันไปเรื่อย ๆ ชั่วคราวทั้งนั้น ทำกำลังใจแบบนี้แหละ แล้วบริกรรมไปเรื่อย ๆ เคล็ดลับมีอยู่แค่นี้

คุณน้อง : พุทโธ๋.... อารัมภบทมาตั้งนาน กั๊กมาได้ตั้งสองเอ็นทรี่ เนื้อหาจริงมีแค่เนี๊ยะ แล้วมันไปเกี่ยวกับพระยามารตรงไหนล่ะเค๊อะเนี่ยะ
สมีรี่ : เอ้า... ของดีมันก็นิดเดียวนี่แหละ เคล็ดลับความอร่อยของแกงทั้งหม้อ ก็แค่ผงชูรสช้อนเดียว กึ๋นที่เจ๋งนักเจ๋งหนา ก็อันเล็กนิดเดียว น้อย ๆ นี่ละสำคัญนัก เคล็ดลับที่ท่านบอกนี่ ไม่ใช่ได้กันง่าย ๆ นะ นี่ท่านทำได้ผลมาแล้ว เลยเอามาสอน ที่พระยามาราธิราชมาเกี่ยวด้วยนี่ มาจากผลการวิจัยของสถาบัน LBSSST เขาหน่ะ

คุณน้อง : ห๊ะ... สถาบันอะไรคะ LBSSST
สมีรี่ : ชื่อเต็มเขาชื่อว่า Lord Buddha School of Soul and Spirit Technology หรือแปลเป็นไทยว่า สถาบันพุทโธโลยีวิจัยจิต และวิญญาณ แห่งจักรวาล อันนี้เป็นวิทยานิพนธ์ส่วนตัว นำไปอ้างอิงอะไรไม่ได้หรอกนะ ผลการวิจัยบอกว่า ท่านพระยามารผู้มีฤทธิ์ จักมาเยี่ยมเยียนผู้ที่พยายามจะหนีไปจากอำนาจของท่านบ่อยหน่อย น่าจะใช้ท่านให้เป็นประโยชน์

คุณน้อง : แปลว่าอะไรคะ หนีออกไปจากอำนาจของท่าน หนีไปไหนคะ ยิ่งฟังยิ่งงง
สมีรี่ : คำว่า หนีไปจากอำนาจของท่าน ก็คือ หนีออกไปจากสังสารวัฏนั่นแล อย่างที่มหาบุรุษจะตรัสรู้ หรือเข้าถึงพระนิพพาน ไม่อยู่ในกามภพอีกต่อไป พระยามารก็เข้ายับยั้งทันใด

คุณน้อง : ค่ะ แล้ว...
สมีรี่ : คืองานวิทยานิพนธ์ส่วนตัวนี้ ก็เป็นพวกเกี่ยวกับการตั้งสมมุติฐาน ทดลอง สังเกตุ ขบคิด สรุปผล อย่างเคสคำแนะนำของหลวงพี่สมปองนี้ ความจริงแล้ว น่าจะมีกลไกการทำงานอย่างนี้ ครับ คือการที่คิดว่า ไม่มีอะไรเป็นของเรา สุดท้ายแม้ตัวเราก็ไม่ใช่ของเรา อารมณ์อย่างนี้ คือ พระโสดาบัน ครับ พระโสดาบัน คือ พระอริยบุคคลเบื้องต้นที่สุดในศาสนาพุทธ แต่ถึงจะเป็นเบื้องต้นที่สุด ก็เหลืออีกไม่เกิน ๗ ชาติ ครับ ได้เข้านิพพาน ฉะนั้น พระยามารจึงต้องพยายามขัดขวางทุกวิถีทาง ไม่ให้เราได้เป็นพระโสดาบันได้ง่าย ๆ

คุณน้อง : ค่ะ แล้วมันไปเกี่ยวกับคาถาเงินล้านยังไงคะ
สมีรี่ : ก็อย่างนี้ไง คนเรานี่ มีแนวโน้มจะติดกับโลกธรรม ๘ ได้ง่าย ก็คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข คนบางคน ไม่เคยมีลาภ หรือทรัพย์สินเงินทอง พอได้มีเข้า ก็ติดในลาภ ยึดว่าทรัพย์สินโน่นนี่นั่น เป็นของเรา เช่น มีเงินสักเจ็ดหมื่นล้าน แล้วก็รู้สึกเป็นสุขว่า เงินนี้เป็นของเรา

a539-200

ต่อมา เมื่อมีลาภเสียจนหนำใจแล้ว มันก็ยังไม่มีความสุข ครับ เงินทอง ใคร ๆ เขาก็มีกัน ก็เลยแสวงหายศ อยากมีหน้ามีตาในสังคม คิดว่า ยศเป็นความสุข ก็หามันเข้าไปครับ ขวนขวายเล่นแร่แปรธาตุ จากนาย ฮ. ก็เป็นนาย อ. จากนาย อ. ก็เป็นนาย ฬ. วิ่งเต้นเรื่อยไปจนได้เป็นนาย ก. ในที่สุด
พอได้เป็นนาย ก. แล้ว มันก็ยังไม่ค่อยสุข ครับ เพราะมีแต่คนด่า ก็เลยไปหาคำสรรเสริญ ครับ คิดว่า การได้รับคำสรรเสริญเป็นสุข เลยได้คนมาเลียแข้งเลียขา เต็มไปหมดเลย กระนั้นก็ยังหา "ความสุข" ไม่เจอ ครับ เพราะไม่เคยรู้จักคำว่า "พอ" คนพวกนี้ท่านพระยามาร ไม่ไปเสียเวลาเล่นด้วย ครับ ไปนอนกระดิกตีนอยู่ข้างบน สบายกว่า เพราะคนพวกนี้ยังง้ายยังไงก็ยังอยู่ในวัฏฏะไปอีกนาน และส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นนรก
แต่มีคนอีกพวกหนึ่ง ครับ ที่มักทำให้พระยามารอยู่ไม่เป็นสุข คนพวกนี้ หวังจะพ้นทุกข์อย่างถาวร ครับ เลยไปค้นหาวิธีหนีออกจากวัฏสงสาร บางคนก็สละลาภ หรือทรัพย์สินเงินทอง ออกบำเพ็ญกุศล ให้ทานบ้าง บริจาคบ้าง ช่วยเหลือคนรากหญ้าบ้าง เพราะคิดว่า การให้ทาน จะสามารถละกิเลสได้ และเมื่อใดกิเลสหมด เมื่อนั้นก็ถึงพระนิพพาน พ้นไปจากอำนาจของพระยามาร คุณพระยามารก็ส่งลูกกระจ๊อกมาจัดการ ครับ อะนี่ เอ็งไม่ติดกับลาภแล้วใช่ไหม ลองเอายศ ไปลองเสพดูบ้าง ก็คือการมีคนนับหน้าถือตาในสังคม เช่น เป็นนักบุญ แจกเงินให้คนจน คนไม่เคยเสพสัมผัส การมียศ ก็ไปติดยศ ครับ
พอมียศมาก ๆ เข้า เลื่อนขั้นจากนาย ข. เป็นนาย ก. คราวนี้ก็อิ่มยศอีก การเสพยศเริ่มไม่ค่อยเร้าใจแล้ว พระยามารก็จะรีบส่งลิ่วล้อมาล่อเป้าด้วยสรรเสริญ ครับ คราวนี้ก็เลยเป็นนาย ก. ที่ขยันขันแข็ง ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อให้ได้รับคำสรรเสริญจากประชาชี
พอทำงานอย่างขยันขันแข็งนานเข้า เสพลาภเสพยศเสพสรรเสริญเสียจนอ้วน ก็ยังมองหาความสุขไปเรื่อย ๆ ครับ ด้วยคนส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่า "ความสุข" คืออะไร ครับ ก็ไปแสวงหามาผิดทาง ครับ จนไม่มีแผ่นดินจะอยู่ คราวนี้พระยามารยิ้มปรี่ ไม่ต้องส่งลูกน้องมาแล้ว เฮียแกก็วนอยู่ในความทุกข์ไม่รู้จบ
คุณน้อง : เอ๊ะ... เหมือนเฮียแกหน้าคุ้น ๆ นะคะ

สมีรี่ : เฮย... คิดไปเองน่า แค่ยกตัวอย่างเล่น ๆ มาว่ากันต่อ จุดสำคัญมันอยู่ตรงความคิดที่อยากจะหลุดพ้นนี่ละ ผลการวิจัย (เอาเอง) จากสถาบัน LBSSST อย่างยาวนานข้ามปีพบว่า บางทีที่บิณฑบาตได้ของขบฉันหน้าตาน่าอร่อย แล้วสละให้ภิกษุรูปอื่น ด้วยหวังจะทำลายความโลภอาหาร วันรุ่งขึ้น จะบิณฑบาตได้ของหน้าตาน่าอร่อยยิ่งขึ้น เมื่อไหร่สละทรัพย์เพื่อหวังละความโลภ ไม่นานทรัพย์จะงอกมามากกว่าเดิม หลายครั้งที่คิดให้อภัยเรื่องหนึ่ง ๆ ที่ไม่น่าพอใจ เรื่องที่ไม่น่าให้อภัยอีกเรื่องที่แรงกว่าเก่า จะโผล่ขึ้นมา จากข้อมูลการวิจัยซ้ำแล้วซ้ำอีกดังกล่าว หากนำมาประยุกต์ใช้ กับเคล็ดลับของหลวงพี่สมปอง ถ้าเราทำกำลังใจว่า เราเป็นคนไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้ตัวเรา ก็ไม่ใช่ของเรา ทำจนจิตทำท่าจะเชื่อขึ้นมาจริง ๆ พระยามารนั่งไม่ติดแน่ ครับ บ๊ะ... เจ้านี่ จะหนีไปเป็นพระโสดาบันแล้ว ไหนลองมาสอบอารมณ์หน่อยสิ ยังติดในทรัพย์สินหรือเปล่า ลองทำให้เจ้านี่รวยขึ้นมาสิ โช๊ะ... เสร็จเรา ฮ่า ๆ ๆ เอิ๊ก

a245-200
หรืออย่างการทำทาน การสละทรัพย์ออก เพื่อละความโลภ ว่ากันเรื่องจิตเพียว ๆ กระแสจิตก็เป็นวิทยาศาสตร์ ครับ action = reaction / กิริยา = ปฏิกิริยา เมื่อเราส่งกระแสจิต "คิดจะให้" ออกไป จักรวาลจะสะท้อนความคิด "ต้องการจะให้" นั้น กลับมา ครับ หลวงพี่สมปองบอกว่า ถ้าทำกำลังใจเช่นนี้ได้ บางคนไม่เคยคิดจะให้เรา เขาก็จะเกิดเมตตาจิตคิดให้เรา กลับกัน ถ้าจิตประกอบด้วยความโลภ คิดแต่จะดึงทุกสิ่งเข้าตัว บางคนที่เขาคิดจะให้อยู่แล้ว ก็อาจเปลี่ยนใจ ไม่ให้ดีกว่า หรือเลื่อนการให้นั้นออกไป
การสละเงินทอง ทรัพย์สิน เป็นทาน เพื่อละความเห็นผิดว่า เงินทอง หรือทรัพย์สินนี้ เป็นของเรา นี่เป็นกำลังใจในการให้ขั้นสูงสุด เพราะเป็นการละ "โมหะ" ทำบ่อย ๆ ท่านพระยามาร ไม่อยู่เฉยแน่ ครับ จักเสด็จมาลองใจท่านด้วยตัวเอง เพราะลูกจ๊อกคงเอาไม่อยู่ โดยอาจทำให้ท่านมีทรัพย์ยิ่งกว่าเดิม ดูซิว่า ท่านละได้จริงหรือเปล่า โอ๊ะ... เสร็จเราอีกเหมือนกัน
คุณน้อง : อย่างนี้หมายความว่า เวลาให้ทาน ต้องตั้งใจว่า จะทำลายความโลภอย่างเดียวเลย ใช่ไหมคะ แม้หวังอานิสงส์สักสิ่งเดียว ก็ยังเจือด้วยความโลภ

สมีรี่ : ถูกแล้วละ จิตที่ปราศจากความโลภนั้น มี ๒ แบบ แบบหนึ่งถูกกดไว้ ด้วยอำนาจของสมาธิ อีกแบบหนึ่ง ถูกถอนออกไปด้วยอำนาจของวิปัสสนา แบบแรก ว่างจากกิเลสชั่วคราว แบบหลัง ว่างจากกิเลสถาวร การภาวนาคาถาเงินล้านด้วยปรารถนาให้จิตว่าง เป็นแบบแรก พระยามารไม่ค่อยเดือดร้อน แต่แบบหลังนี่พระยามารนั่งไม่ติดเก้าอี้

คุณน้อง : แล้ววิปัสสนาทำอย่างไรคะ
สมีรี่ : วิปัสสนานั้น จะว่ายาก ก็ยาก ถ้าไม่เข้าใจ มันก็ยาก ทำยังไงก็ผิด จะว่าง่าย มันก็ง่าย ถ้าเข้าใจซะแล้ว นั่งกระดิกหัวแม่เท้าอยู่บ้าน ก็วิปัสสนาได้

คุณน้อง : อธิบายเลยค่ะ
สมีรี่ : เอ่อ... วันนี้ชักจะร่ายยาวเกินไปแล้วนะ คนตอบเริ่มเมื่อยนิ้ว คนอ่านเริ่มเมื่อยตา เอางี้ ยกไปอวสานตอนหน้าดีไม๊?
คุณน้อง : แหม... อยากรู้เร็ว ๆ จังเลยค่ะ แต่หลวงพี่คงจะเหนื่อยแล้ว คุณน้องก็ไม่ค่อยอยากจะรีดหลวงพี่มาก เดี๋ยวจะโทรม ว่าจะเก็บไว้รีดนาน ๆ นี่เตรียมน้ำยา fineline ไว้หลายแกลลอนเชียวล่ะค่ะ จักได้รีดให้เรียบ ๆ

สมีรี่ : โห... นี่เห็นพระเป็นผ้ายับ ๆ ที่พับไว้ใช่ไหมเนี่ยะ
คุณน้อง : แบบหลวงพี่นี่ ยู่ยี่เรียกพี่เลยค่ะ

สมีรี่ : อะ... งั้นวันนี้พอแค่นี้่ก่อน ได้เคล็ดลับแล้ว อย่าลืมเอากลับไปเพียรหมั่นขยันท่องล่ะ
คุณน้อง : น้อมรับไปทำเจ้าค่ะ กราบนมัสการลา
สมีรี่ : เจริญพร ร่ำรวย ๆ ทุกคนเด้อ ฯ

cadit  by Dhammasarokikku

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons