วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

How to ภาวนาอย่างไรให้มีทรัพย์ไม่ขาดสาย ตอนที่ ๑

imagesCAN4BKSX

With great power comes great responsibility...พลัง (อัพบล็อก) ที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับภาระที่ (โคตร) ยิ่งใหญ่...หลังจากหลบไปฟักตัว เพิ่มเลเวล สไปเดอร์โรไจร่า มาพักใหญ่ สมณสไปเบอร์เกอร์ (สมณะ+สไปเดอร์+บล็อกเกอร์) ก็กลับมาขยันอัพบล็อก เหมือนแมงมุมขยันชักใยเช่นเดิมกลับมาครั้งนี้ ได้คุณน้องสุดสวย มาช่วยตีไข่ใส่มาม่า เพิ่มรสชาติของธรรมะกึ่งสำเร็จรูป "รวยไวไว" ภาคต่อจากฮาว์ทูตอนก่อน

คุณน้อง : หลวงพี่คะ หลังจากคุณน้องได้สนทนาธรรมเรื่อง How to ทำบุญปีใหม่อย่างไร ให้รวยทันตาเห็น กับหลวงพี่ไปวันก่อน คุณน้องกลับไปทำกำลังใจใหม่ รู้สึกรวยขึ้นทันตาเห็นเลยเจ้าค่ะ

สมีรี่ : ดีแล้วนี่จ๊ะ

คุณน้อง : แต่ว่า หลวงพี่คะ เรื่องรวยด้านจิตใจ กับเรื่องรวยทางกายภาพนี่ มันไม่เห็นจะไปด้วยกันเลย เจ้าค่ะ

สมีรี่ : คุณน้อง หมายถึง?

คุณน้อง : หมายถึงว่า ถ้าเรารวยด้านจิตใจนี่ ก็ง่าย ๆ คือ รู้จักพอ แต่รวยด้านกายภาพนี่ ถ้าเกิดเราทำมาหากินประกอบสัมมาอาชีพตามปกติ ประหยัดตามสมควร ใช้เท่าที่จำเป็น แต่มันก็ยังไม่พอใช้ อย่างนี้จะว่าคุณน้องรวยทางกายภาพด้วย ก็ว่าไม่ได้ ถูกไหมคะ หลวงพี่มีของดีอะไร ช่วยให้รวยทางกายภาพด้วยไหมคะ

สมีรี่ : อย่างนี้เอาคาถาพระพุทธเจ้าไปภาวนาดู รับรอง รวยทั้งด้านจิตใจ และด้านกายภาพ

คุณน้อง : เดี๋ยวนะคะ ขอคุณน้องหากระดาษกับปากกาก่อน... อะ...พร้อมแล้วคะ

สมีรี่ : จดไปนะ อุ อา กะ สะ

อย่างแรก อุ คือ อุฏฐานสัมปทา ถึงพร้อมด้วยความหมั่น หรือหมั่นหาทรัพย์

อย่างสอง อา คือ อารักขสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการรักษา รู้จักคุ้มครองรักษาทรัพย์ที่หมั่นขยันหามา

อย่างสาม กะ คือ กัลยาณมิตตตา คบหาคนดี เป็นมิตร เพื่อนคนไหนชวนเราไปหลงในอบายมุข เลิกคบเขาซะ คนไหนชี้ชวนกันทำมาหากิน ทำบุญทำทาน ให้รักษาไว้

อย่างสี่ สะ คือ สมชีวิตา เลี้ยงชีวิตแต่พอดี พอเหมาะ พอสม ไม่อยากดัง อยากเด่น เกินฐานะ พวกมือถือแพง ๆ รถเดิ้น ๆ บ้านหรู ๆ ที่เกินสมควร ซื้อแล้วเป็นหนี้ไปอีก ๓๐ ปี ก็ไม่ขวนขวายซื้อมาจ้ะ

คุณน้อง : ความจริง คาถานี้ เหมือนคุณน้องเคยเรียนมาตอนประถมแล้วหล่ะคะ เค้าเรียกว่า คาถา "หัวใจเศรษฐี" ใช่ไหมเจ้าคะ

สมีรี่ : เยส แมม

คุณน้อง : คุณน้องเรียนมา แล้วก็คืนคุณครูไปหมดแล้วหล่ะค่ะ เรียนแล้ว แต่ไม่เคยนำไปใช้ ท่องบ่นเป็นนกแก้วนกขุนทอง นี่ใช่ไหมคะ ที่เขาเรียกว่า ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด

สมีรี่ : ก็พอรอดตัวอยู่ แต่รอดแบบกระท่อนกระแท่นจ๊ะ คุณน้อง คาถาไม่ใช่เอาไปท่องบ่นแล้่วมันจะมีทรัพย์ขึ้นมานะ ต้องนำไปปฏิบัติด้วย

คุณน้อง : แหม... ธรรมะของพระพุทธเจ้านี่ ช่างอัศจรรย์จริง ๆ นะคะ มีทั้งบู๊ ทั้งบุ๋น คุณน้องคิดว่า พระองค์สอนเฉพาะธรรมะเพื่อหลุดพ้นอย่างเดียวเสียอีก

images4

สมีรี่ : ถูกแล้วหล่ะ พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ ครอบคลุมทั้งหมด แม้ใช้ชีวิตเป็นนักบวช หรือฆราวาส ก็มีความสุขเหมือนกัน ถ้าปฏิบัติตาม ธรรมะสำหรับการครองเรือน มีชื่อว่า "คิหิปฏิบัติ" และที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่านั้น คือ ธรรมะทั้งหลาย เป็น "อกาลิโก" ไม่ขึ้นกับกาลเวลาจ้ะ จะกี่ปี ๆ ก็ไม่เคยล้าสมัย

คุณน้อง : จริงด้วยค่ะ แต่หลวงพี่คะ คุณน้องพิจารณา "หัวใจเศรษฐี" ทั้ง ๔ ข้อแล้ว แม้คุณน้องจะลืมไปแล้ว คุณน้องก็ปฏิบัติเองอัตโนมัติมาโดยตลอด เรื่องขยันหาทรัพย์ คุณน้องก็ขยันอยู่ ไปทำงานทุกวัน เรื่องรักษาทรัพย์ที่หามาได้ ก็รักษาแบบสุด ๆ เพื่อนเลว ๆ ก็ไม่คบอยู่แล้ว ของหรูหราฟุ่มเฟือย คุณน้องก็ไม่เคยใช้ มันก็ยังไม่เห็นเป็นเศรษฐีขึ้นมาเลยค่ะ นี่ปีนี้ เขาว่าแฮมเบอร์เกอร์ไครซีสจะแผลงฤทธิ์ หลวงพี่เรียนจบทางโลกมาตั้งสูง หลวงพี่มีกลยุทธ "อิทธิฤทธิ์ พิชิตความจน" แบบแอดว๊านซ์ ต้านทานแฮมเบอร์เจอร์ใคร(เป็น)ซีส บ้างไหมคะ

สมีรี่ : มันก็มีอยู่นะ

คุณน้อง : แบบให้รู้จัก "พอ" ไม่เอานะคะ อันนั้นทราบแล้ว

สมีรี่ : ความจริง อันนี้เป็นธรรมะรุ่นลูกนะจ๊ะ เมื่อกี้เป็นธรรมะรุ่นพ่อ พวกเรารุ่นหลาน เหลน โหลน มักจะใจร้อน อยากได้อะไรเร็ว ๆ กินก็ต้องกินเร็ว ๆ ทำงาน ก็ต้องทำเร็ว ๆ รวยก็ต้องรวยเร็ว ๆ ฉะนั้น ธรรมะก็ต้องเป็นธรรมะเร็ว ๆ ทำแล้วให้ผลรวดเร็ว ธรรมะฟ๊าสต์ฟู๊ดว่างั้นเฮอะ ที่ว่าเป็นธรรมะรุ่นลูก เพราะสมัยที่พระพุทธเจ้า หรือพ่อของเรา ทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ไม่ได้สอน มาสอนตอนที่พระองค์เสด็จดับขันธ์ ปรินิพพานไปแล้ว ผ่านลูก ๆ ของพระองค์ ซึ่งก็คือ "พระอริยสงฆ์" ธรรมะที่ว่า คือ "พระคาถาเงินล้าน" ของพระราชพรหมยานเถระ หรือ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เอาไปภาวนาให้จิตเป็นสมาธิ รับรอง รวยทุกคน

คุณน้อง : หลวงพี่คะ ปากกา กับกระดาษของคุณน้องพร้อมแล้วค่ะ หลวงพี่บอกมาเลย

สมีรี่ : จะเอาเลยเรอะ ไม่ฟังก่อนหรือว่า พระคาถานี้ มีความเป็นมาอย่างไร

คุณน้อง : เอางั้นก็ได้ค่ะ

สมีรี่ : พระคาถานี้ เริ่มมาแต่สมัยหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา โน้นแน่ะ คุณน้องคงเกิดไม่ทัน สมัยนั้นหลวงพ่อท่านไปเรียนมาจากครูผึ้ง ท่านว่า พระธุดงค์รูปหนึ่งให้มา ท่านเรียกคาถานี้ว่า "คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า"

คุณน้อง : พระปัจเจกพุทธเจ้า? คือใครคะ?

สมีรี่ : พระปัจเจกพุทธเจ้า คือ ผู้ที่ตรัสรู้ด้วยตนเองเหมือนพระพุทธเจ้า แต่ไม่ได้ตั้งศาสนาจ๊ะ หมายถึง ตรัสรู้แล้วไม่ได้สั่งสอนเหล่าเวไนยสัตว์

คุณน้อง : อ้าว... แล้วทำไมไม่สั่งสอนบุคคลอื่นล่ะเจ้าคะ อุตส่าห์ตรัสรู้ทั้งที หรือท่านไม่มีเมตตา ไม่น่าใช่ ถ้าไม่มีเมตตาพรหมวิหาร ท่านคงตรัสรู้ไม่ได้ หรือท่านมีความรู้ไม่เท่าพระพุทธเจ้าคะ

สมีรี่ : ความรู้ในทางธรรม ถือว่า เสมอกันจ๊ะ ในทางธรรมแล้ว หากใครได้รู้ "อริยสัจ" ก็ตรัสรู้ได้เหมือนกันหมด เพียงแต่พระปัจเจกฯ ท่านอธิษฐานมาแบบนี้

คุณน้อง : แล้วถ้ามีใครไปให้ท่านสอนธรรมะ ท่านจะสอนไหมคะ

สมีรี่ : สอนสิจ๊ะ

คุณน้อง : สอนได้ถึงนิพพานเลยหรือเปล่าคะ

สมีรี่ : แน่นอนจ้ะ เพียงแต่มักไม่ค่อยมีคนไปถาม สมัยก่อน ก็คล้ายสมัยนี้ เห็นหน้าพระก็คิดแต่จะทำทาน อย่างเก่งก็รักษาศีล

คุณน้อง : อย่างนี้ คุณน้องก็เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าได้สิคะ เพราะคุณน้องก็เรียน "อริยสัจ" มาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ไม่เห็นมีอะไรยากเลย

สมีรี่ : อ๋อ... ไม่ได้หรอก เพราะสิ่งที่คุณน้องรับรู้มา ความจริงก็คือมาจากคำสอนของพระพุทธเจ้า ถ้าอยากเป็นพระปัจเจกฯ ต้องตรัสรู้เองเท่านั้น ถ้าตรัสรู้ตาม จากการฟัง อ่าน ปฏิบัติตาม คำสอนของพระพุทธเจ้า อย่างนี้เรียกว่า อนุพุทธ หรือ พุทธสาวก จ๊ะ

คุณน้อง : ว้า... แย่จัง แล้วอย่างนี้ คุณน้องก็รู้ "อริยสัจ" แล้ว อย่างนี้คุณน้องก็ตรัสรู้ตามแล้วสิคะ

สมีรี่ : โอ้... ม่าย ๆ ๆ สิ่งที่คุณน้องรู้มา ในทางธรรม เขาไม่เรียกว่า "รู้" เขาเรียกว่า "จำ" ได้ ปัญญาในทางธรรม มีหลายแบบ อย่างสุตตมยปัญญา คือ ปัญญาที่เกิดจากการฟัง จินตมยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการคิด ส่วนปัญญาที่ทำให้ "รู้แจ้ง" อริยสัจ นั้น ท่านเรียกว่า "ภาวนามยปัญญา"

คุณน้อง : โอ๊ะ... หลวงพี่คะ คุณน้องเป็นโรคแพ้ภาษาบาลีค่ะ ฟังภาษาบาลีมาก ๆ แล้วจะง่วงนอน นิมนต์หลวงพี่เล่าประวัติคาถาของพระปัจเจกฯ ต่อดีกว่าค่ะ

images9

สมีรี่ : โอเค... มาว่ากันต่อไป สมัยที่หลวงพ่อปาน ได้คาถาพระปัจเจกฯ มาแล้ว ก็ไม่ทราบว่า อานุภาพจะเจ๋งจริงสมคำอ้างหรือไม่ หลวงพ่อปานท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาจักเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ที่บารมีสูงมากแล้ว จะเชื่ออะไรสักอย่าง หากไม่มีหลักฐานเป็นแม่นมั่น ท่านไม่เชื่อง่าย ๆ เด็ดขาด ท่านจึงทดลองให้ลูกศิษย์ลูกหา เอาไปลองภาวนา การให้ของดีของท่าน ก็ใช่ว่า จะให้กันมั่วซั่ว ท่านก็ทดลองกำลังใจกันก่อน วันหนึ่งท่านก็เปรยกับศิษยานุศิษย์ ถึงอานุภาพของคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า แล้วถามว่าท่านทั้งหลายว่า มีใครสนใจเอาไปท่องบ่นบ้าง ปรากฏว่า เงียบกันทั้งฮอลล์ ท่านถามอยู่ ๓ ครั้ง เมื่อไม่มีใครสนใจ ท่านก็ไม่ได้ให้ หลังจากญาติโยมกลับกันหมดแล้ว นายประยงค์ ตั้งตรงจิตร คลานเข้ามาหาท่าน บอกเขาสนใจขอเรียนคาถาเด็ดของหลวงพ่อ หลวงพ่อปานหัวเราะในลำคอ "ดีนะ เอ็งนี่ เป็นลูกหัวปีของคาถาบทนี้ เอาไปทำดู ถ้าไม่มีผล พ่อจะไม่พิมพ์แจก" แล้วก็ให้นายประยงค์ จดคาถาไป

นายประยงค์ เป็นคนเอาจริงเอาจัง ได้คาถาไป ก็นำไปสวดมนต์เช้าค่ำ ตามคำแนะนำ เขาเปิดห้างขายยาตราใบโพธิ์อยู่ท่าเตียน ปรากฏว่า เมื่อภาวนาไปเรื่อย ก็เกิดเหตุอัศจรรย์ บางทีซื้อยามาบด ผสมบรรจุขวด ลงบัญชีไว้เรียบร้อย ผสมไปผสมมา ได้ยาเกินกว่า ที่ซื้อมาบ้าง ขายไปหมดแล้ว ตามตัวเลขบัญชี กลับมียาเหลือบ้าง ที่เห็นชัด ๆ จะเป็นเรื่องของเกินสต็อก อย่างบดยางวดหนึ่ง ต้องขายได้เงินประมาณนี้ คนเป็นพ่อค้า ย่อมรู้อยู่ เมื่อภาวนาคาถานี้ไปเรื่อย ปรากฏว่า ยาล็อตหนึ่ง ได้เงินมากกว่าเดิมมาก แถมยังมียาเหลืออีกต่างหาก

คุณน้อง : ฮู้... อัศจรรย์เกินไปหรือเปล่าคะ สมัยนั้น เหตุอัศจรรย์แบบนี้ อาจเป็นเรื่องไม่แปลก แต่สมัยนี้ คุณน้องว่า แค่คนจะเชื่อเรื่องแบบนี้ ยังหายากเลยค่ะ

สมีรี่ : ไม่อัศจรรย์เกินไปหรอก บอกแล้วว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็น "อกาลิโก" ทำเมื่อไหร่ ก็ได้ผลเมื่อนั้น สมัยนั้น กับสมัยนี้ ก็ไม่แตกต่างกันหรอก สมัยนั้น คนที่ได้รู้ว่า คาถาพระปัจเจกฯ มีอานุภาพอย่างไร ก็มีตั้งหลายคน แต่มีนายประยงค์ คนเดียวที่เชื่อ แล้วลองนำไปปฏิบัติ จนเห็นผล ร่ำรวยมาจนถึงปัจจุบัน ใครทำใครได้จ้ะ

คุณน้อง : ความจริงคุณน้องว่า คาถานี้ หาง่ายจะตายไป เปิดเน็ตดู ก็คงจะมี สมัยก่อน อาจจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นได้ เพราะคนรู้ไม่กี่คน สมัยนี้คนรู้เป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน คงมีคนเอาไปทำตั้งมาก อย่างนี้ คาถาจะได้ผลหรือคะ ถ้าคนรู้กันเยอะ ทำกันเยอะ อย่างนั้นมิรวยกันหมดประเทศหรือคะ

สมีรี่ : คาถานั้น ศักดิ์สิทธิ์เสมอมาแล เพียงแต่น้อยคนนัก จะรู้ "เคล็ดไม่ลับ" ของการภาวนา คนเอาไปภาวนา ไม่รู้ที่มาที่ไป ทำกำลังใจอย่างไรก็ไม่รู้ เอาไปทำ อาจจะได้ผลสัก ๑๐ เปอร์เซนต์ ที่เอามาโม้นี่ ไม่ใช่อะไร พอดีตอนนั่งรถไปพักฟื้นพละกำลังในการอัพบล็อกที่เชียงราย เผอิญในรถเขาเปิดเอ็มพีสามหลวงพี่สมปอง เลยได้พบเคล็ดวิชาปรมาจารย์ซังฮง

คุณน้อง : น่าสนใจจังค่ะ ตัวคาถา ความว่าอย่างไรคะ

สมีรี่ : ขออิ๊บไว้ต่อตอนหน้าได้ปะ พิมพ์จนเมื่อยแล้วเนี่ยะ

คุณน้อง : ได้ค่ะ แต่หลวงพี่ห้ามเบี้ยวนะคะ พรุ่งนี้ หรือมะรืน มาอัพบล็อกตอบคุณน้อง ซะดี ๆ นะคะ หวังว่า หลวงพี่คงเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซน นะคะ

สมีรี่ : เอือม... ได้จ้ะ ๆ คุณน้อง

คุณน้อง : จุ๊พ ๆ รักคนอ่านค่ะ อย่าลืม กลับมาอ่านเคล็ดวิชารวยสะบัดสะท้านบู้ลิ้มตอนหน้านะคะ คุณน้องว่า น่าสนใจหยั่งเรงเลยละค่ะ

จบตอน ๑ cadit  Dhammasarokikku

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons