ปัจฉิมกถา
บุพการี ๑ กตัญญูกตเวที ๑ บุคคลผู้ทำคุณให้ก่อน ชื่อ บุพการี, บุคคลผู้รู้คุณที่ท่านทำแล้ว ชื่อ กตัญญู และบุคคลผู้รู้คุณท่านแล้ว ทดแทนคุณท่าน ชื่อ กตเวที ข้าพเจ้าเองเติบโตบนผืนแผ่นดินไทย ตลอด ๓๐ กว่าปีก็เพียงสักแต่ว่ารู้ ทว่าไม่เคยตระหนักถึงคุณของแผ่นดิน จนเมื่อได้มาอุปสมบทศึกษาปฏิบัติธรรม จึงได้ซาบซึ้งว่า คุณของแผ่นดินนั้น ยิ่งใหญ่นัก ทดแทนเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด และคุณของพ่อนั้น ก็หนักยิ่งกว่าแผ่นดิน
กว่า ๓๐ ปีทีเดียวกว่าจะเรียนรู้คำว่า กตัญญู มันยากจริงสมกับคำที่ท่านว่าไว้ แลชีวิตที่เหลืออยู่ ก็จะพยายามเรียนรู้คำว่า กตเวที ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไร วิธีทดแทนพระคุณพ่ออย่างง่ายๆ ก็คือ ช่วยกันทำความดี ให้ทานเป็นปกติ เจือจานต่อเพื่อนบ้าน หรือผู้ที่มีฐานะด้อยกว่าเรา รักษาศีล ๕ ให้ครบถ้วนบริบูรณ์ รักษากรรมบถ ๑๐ ได้ด้วยก็ยิ่งดี ปฏิบัติธรรม เจริญพระกรรมฐานบ้าง ถ้ามีโอกาส มีสิ่งใดจะช่วยเหลือสังคม เป็นสาธารณะประโยชน์ได้ ก็ช่วยกันทำ แค่นี้ก็แบ่งเบาภาระท่านไปได้มากแล้ว
ทุกวันนี้ศีลธรรมในสังคมเสื่อมทรามไปมาก คนดีก็ท้อถอย เกิดความรู้สึกว่า ทำไมทำดีแล้วไม่เห็นได้ดี ทำชั่วอย่างที่เขาทำๆ กัน จะดีกว่า ง่ายกว่าไหม คิดดูซีว่า ถ้าคนในสังคมถือศีล ๕ กันครบทุกคน แม้ประตูบ้านก็ไม่ต้องล็อค เพราะไม่มีใครเอาของใคร แต่ถ้าในสังคมนั้น มีคนละเมิดศีล ๕ แม้คนเดียว ทุกคนก็ต้องพากันล็อคประตูบ้านกันหมด ฉันใดก็ฉันนั้น อย่าไปคิดว่า เราละเมิดศีลของเราคนเดียว จะไปเดือดร้อนใคร การรักษาศีลมีผลต่อสังคมแน่นอน (เคยได้ยินไหม เด็ดดอกไม้กระเทือนถึงดวงดาวหน่ะ) อย่าไปคิดว่านั่นมันสังคมในอุดมคติ เป็นยูโทเปีย เป็นไปไม่ได้หรอก ความจริงคือ ถ้าไม่เริ่มที่เราก่อน มันก็ยังคงเป็นสังคมอุดมคติในฝันอยู่อย่างนั้น แต่ถ้าเราช่วยกันคนละไม้คนละมือ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ จากตัวเรา ไปถึงครอบครัว ไปถึงญาติสนิท ไปถึงเพื่อนฝูง ไปถึงเพื่อนร่วมงาน และอื่น ๆ สังคมอุดมคติก็ใกล้เข้ามา กลับกันถ้าเราช่วยกันทำลายศีล มีโศกนาฏกรรมให้ดูตลอด ข่าวความเสื่อมทรามในศีลธรรมมีขึ้นหน้า ๑ ทุกวัน ปล้นจี้ฆ่ากันทั่วเมือง เช่นนี้สังคมอุดมคติก็ห่างไกลออกไป ยิ่งมีคนถือศีล ๕ ได้มากเท่าไหร่ สังคมก็จะวุ่นวาย น้อยลงเท่านั้น ผลก็คือ พ่อของเราก็เหนื่อยน้อยลงไปด้วย ฉะนั้นก่อนจะทุศีลครั้งต่อไป ให้คิดถึงพ่อของเราด้วย
เมื่อ ๓๐ ปีก่อน ใครจะจินตนาการได้ว่า ผู้หญิงจะมีกิ๊กอย่างออกหน้าออกตา ใครมาพูดก็คงคิดว่า บัดสีบัดเถลิง คิดได้ยังไง จะมีบ้างก็เป็นการเล่นชู้ ซึ่งเป็นเรื่องน่าอับอายมาก ใครรู้เข้าก็โดนประณามไปทั้งเมือง เรื่องเจ้าชู้ เป็นเรื่องของผู้ชายพายเรือ แล้วมาบัดนี้ สิ่งทั้งหลายกลับตาลปัตรหมด การมีกิ๊กกลายเป็นเรื่องธรรมดา ของทั้งผู้ชายผู้หญิงในสังคม ก็แล้วลองย้อนกลับไปสัก ๒,๕๐๐ ปีดูบ้างซี
บางเรื่องที่ปรากฏในพระไตรปิฎกจึงอัศจรรย์เหลือเชื่อ จนนักปรัชญาเอาไปตีความว่า เป็นภาษาสัญลักษณ์ ความจริงอาจเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงก็เป็นได้ พระพุทธเจ้าทรงทราบถึงความเสื่อมอันนี้ จึงทรงเน้นสอนเรื่องปัญญามาก ปัญญา คือ ความรอบรู้ในกองสังขาร เพราะเรื่องเกี่ยวกับขันธ์ ๕ นี้ กี่ล้านปีก็ไม่มีเสื่อม ตราบใดที่คนยังใช้ตาดู ใช้หูฟัง ใช้จมูกดม ใช้ลิ้นลิ้มรส ใช้กายสัมผัส ใช้ใจรู้ธรรม เทคโนโลยีจะล้ำอนาคตไปเท่าไหร่ สุข ทุกข์ ของมนุษย์ ก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ดังนี้แล้ว สังคมที่ผู้คนรักษาศีล ๕ ครบทุกคน ก็อาจไม่ใช่นิยายปรำปรา หากแต่อาจเป็นเรื่อง ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ในอดีตก็เป็นได้
ข้าพเจ้าเองก็เป็นหนี้แผ่นดินอยู่ไม่น้อย สมัยก่อนไม่เคยคิดหรอกว่า แผ่นดินมีคุณ พุทโธ่... ที่ดินก็พ่อแม่ ซื้อมาสร้างบ้านให้เราอยู่ หมูไปไก่มา จะไปค้างหนี้บุญคุณอะไร ต่อเมื่อได้มาศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทย ในร่มผ้ากาสาวพัสตร์ จึงได้ซาบซึ้ง ในคุณค่าของผืนแผ่นดินทุกตารางนิ้วที่เป็นประเทศไทย ถ้าชาติไม่คงอยู่ ถูกต่างชาติปล้นเอกราชไป ไฉนเลยศาสนา แลกษัตริย์ จะคงอยู่ได้ แม้ศาสนาไม่คงอยู่แล้วไซร้ สถาบันชาติ แลกษัตริย์ก็ต้องล่มสลายไป หรือแม้สถาบันกษัตริย์ ถูกล้มล้างไปเช่นประเทศเพื่อนบ้าน ชาติแลศาสนา ก็จะเสื่อมสิ้นไปเช่นเดียวกับพวกเขา สามสถาบันนี้เนื่องกันอย่างแยกไม่ออก การล่มสลายของสถาบันใด สถาบันหนึ่ง ก็หมายถึงการล่มสลายของทั้งสามสถาบัน นี่เองเป็นเหตุผลให้เหล่ากษัตริย์ไทยในอดีตทั้งหลาย มีพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นต้น ต้องสู้ลำบากกอบกู้เอกราช ถวายแผ่นดินเป็นพุทธบูชา ให้พระศาสนา คงอยู่ครบห้าพันปี บนผืนแผ่นดินไทยนี้
ข้าพเจ้านั้นได้เกิดมาใช้ผืนแผ่นดินไทยอยู่อาศัย แต่มิเคยระลึกได้ถึงบุญคุณของแผ่นดิน กระทั่งมหาวิทยาลัยรัฐ ที่ข้าพเจ้าสอบเข้าไปได้อย่างยากลำบาก ผู้คนแข่งขันกันเข้าไปเรียน ในสถาบันการศึกษา ที่ก่อตั้งมาโดย พระมหากษัตริย์ ด้วยเงินของแผ่นดิน ครั้นจบออกมาก็เหมือนถูกล้างสมอง สนใจแต่เพียงเงินเดือน หรือการเรียนต่อ หลงลืมบุญคุณที่ได้ใช้เงินของรัฐอุดหนุน จึงได้จ่ายค่าเทอมในราคาถูกแสนถูก คิดเอาแต่ได้ว่า นี่เป็นความสามารถของฉัน ฉันเป็นคนเพียรหมั่นขยันเรียน ฉันจึงได้ปริญญาบัตรมา นี่เป็นรางวัล ที่ฉันสมควรได้รับ ฉันเป็นหนี้ใครที่ไหน พอทำงานไปก็ใคร่ครวญถึงการมีครอบครัว มีลูก ทดแทนคุณพ่อแม่ หลงลืมบุญคุณของแผ่นดินไปเสียสิ้น โอกาสอันดี ที่ข้าพเจ้าได้อุปสมบทบวชเข้ามา จึงไม่รอช้าที่จะ แทนคุณของแผ่นดิน แม้จะเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ เพราะมีแค่สองมือ และความสามารถก็แค่ระดับตุ๊กแก แต่ก็อาจจุดประกายให้คนอื่น ๆ หันมาเห็นคุณของแผ่นดินกันบ้าง
การเดินทางในคราวนี้ ได้ไปพบคนที่เขา นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ เขาตั้งคำถามว่า สมมติว่านาย ก. เดินทางไกลมาอย่างเหนื่อยอ่อน หิวเป็นกำลัง มาพบไร่ข้าวโพด ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ เธอก็เก็บข้าวโพดมากิน แล้วก็ไป นาย ข. เดินทางไกลมาเช่นกัน มาพบไร่ข้าวโพดไร่เดียวกัน เธอก็เก็บข้าวโพดมากิน และเก็บอีก หลายฝัก ไปฝากคนที่บ้านด้วย นาย ค. เดินมาพบไร่ข้าวโพดไม่มีเจ้าของ ก็จัดการ เอาเสามาปัก ขึงรั้ว ลวดหนาม ยึดเอาเป็นของตัว ไม่อนุญาตให้ใคร เข้ามาเก็บข้าวโพดกินอีกเลย เขาผู้นั้นถามว่า ใน ๓ คนนี้ ถ้าเป็นลูกของเรา เราจะชมใครว่า ฉลาด ใคร โง่ คิดดูดี ๆ นะ นาย ค. ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้ละเมิดศีลสักข้อเดียว ไม่ได้เบียดเบียนใครด้วย ได้คำตอบในใจของท่านแล้ว ก็จะเห็นตามความเป็นจริงว่า โลกนี้ทั้งใบก็เล็กเกินไป สำหรับคนโลภ หรือคนไม่รู้จักพอ เพียงคนเดียว ฉะนั้นถ้าเรารักพ่อของเรา เราก็มาปฏิบัติตน ให้เป็นคนรู้จักพอ บรรเทาเสียซึ่งความโลภ ทำอย่างไรหนอ จึงจะคลายความโลภ พ่อสอนว่า ความโลภ บรรเทาได้ด้วยการให้ทาน ทานที่ยิ่งใหญ่คือ การทำสาธารณะประโยชน์ บางทีเราให้ทานแก่ขอทาน เพราะเห็นว่าเขาน่าสงสาร เขาจน เขามอมแมม เขาพิการ มีการตั้งเงื่อนไข มีการเจาะจง ว่าเราจะให้คนนั้นคนนี้ แต่การทำสาธารณะประโยชน์ คือการให้อย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่เจาะจงให้แก่ใครคนใดคนหนึ่ง จะรวยหรือจน จะดีหรือเลว จะดำหรือขาว เราให้ทั้งหมด เป็นทานที่พ่อเราทำให้ดูมาชั่วชีวิต ถ้าเราเจริญรอยตามท่าน ก็เท่ากับเราได้ทดแทนคุณท่าน ทำเล็กทำน้อยก็ถือว่าได้ทำ ทำไปตามกำลังใจของเรา สบาย ๆ ....ยากไหมล่ะการทดแทนคุณ
ลูกหลานของเรา กำลังก้าวเข้าสู่ยุคทุนนิยมเต็มตัว ชนิดไม่รู้จักการทำสาธารณะประโยชน์ หรือประโยชน์ส่วนรวม รู้จักแต่กอบโกย หาผลประโยชน์ใส่ตัว ข้าพเจ้าเห็นว่า เราควรจะยึดแนวมัชฌิมาปฏิปทา ที่พระพุทธองค์ ทรงสอนว่า อย่าตึงเกินไป อย่าหย่อนเกินไป อย่าซ้ายจัดนัก อย่าขวาสุดโต่ง ทุนนิยมมันก็ดี แต่ก็อย่าให้ มันเกินไป เมืองนอกเขายังไม่ทุนนิยม เต็มสตรีมเลย เขายังใช้สิ่งที่เรียกว่า regulated capitalism คือมีการดูแลบ้าง มีการควบคุมบ้าง อย่าปล่อยให้อนาคตของชาติ เป็นไปตามยถากรรมเลย มาช่วยกันดูแล หรือทำให้เขาดูกันดีกว่า อย่าปล่อยจนวันหนึ่งลูกหลานของเรา มาถามเราว่า “แม่ครับพ่อครับ การทำสาธารณะประโยชน์มีจริงหรือครับ ผมเห็นแต่ในพิพิธภัณฑ์ หรืออนุสรณ์สถาน...” ฯ