วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ผมมีองค์รู้หมด ก็อย่างงี้ไง-ไตรภูมิภาคพิสดาร ตอนที่ ๓by Dhammasarokikku

23_displayเอ็นทรี่นี้ สืบเนื่องมาจากถูกเชิญไปเม้นท์ เอ็นทรี่หนึ่งชื่อว่า ผมมีองค์รู้หมด.... แล้วไงเหรอคะ? เม้นท์ไปเม้นท์มา ยาวเป็นกิโล แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะจบ เลยเอามาทำเป็นเอ็นทรี่ใหม่ ครั้นมาเป็นเอ็นทรี่ใหม่แล้ว สองตอนแล้วก็ยังไม่จบอีก ต้องมีตอนที่ ๓ ดังนี้แล

ตอนที่แล้วได้ทำความรู้จักกับเทวดามิจฉาทิฏฐิ หรือ อสูร ไปแล้ว อารมณ์มาค้างเติ่งอยู่กับ "รุกขเทวดา" แต่ก่อนที่จะลุยเข้าไปทำความรู้จักกับท่านทั้งหลาย มาแวะจิบกาแฟ อ่านเรื่องราวประสบการณ์ตรงที่เกริ่นไว้นานแล้ว กันก่อนดีกว่า เดี๋ยวคนไม่ชอบเรื่องไตรภูมิ จะหลับกันเสียหมด จะได้ทราบความเป็นมาว่า ทำไมข้าพเจ้าถึงเชื่อเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้

ย้อนกลับไปในอดีตกาล นานโคตร ราว ๗ ปีก่อน ข้าพเจ้ากำลังยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของชีวิต มีหน้าร้านคอมฯ ในห้างใหญ่ ทำยอดขายได้ราวเดือนละ ๔-๕ ล้านบาท งานเข้ากระจายทั้งงานราชการ และงานเอกชน ให้น้องชายคุมหน้าร้าน ส่วนตัวข้าพเจ้าออกหางานข้างนอก แต่แล้วชีวิตก็ต้องมาหยุดสะดุดโค้ก กลิ้งโค่โร่ไม่เป็นท่า ประสบการณ์ตรง ของข้าพเจ้า ต่อเรื่องเข้าองค์ทรงเจ้า สามารถติดตามได้ในอัตตโนชีวประวัติของข้าพเจ้าเอง (กะว่าตายแล้วค่อยเอามาเผยแพร่นะเนี่ยะ) ดังนี้

ส่วนหนึ่งของอัตตโนชีวประวัติ (ชายหนุ่ม=ตัวข้าพเจ้าเอง)

ละครฉากใหม่มาเริ่มเอาตอนที่ มาพบกับน้องของเพื่อนแฟน (งงไหม) เป็นสาวรุ่นกระทง ที่ยังเอ๊าะแอ๊ะ โนเน๊ะไปตามวัย ทว่าแฝงไปด้วยสิ่งประหลาด นั่นคือ เธอเป็นร่างทรง เอาอีกแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจตั้งแต่พบกันครั้งแรก ระคนไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ชีวิตฉันโคจรมาเจอสิ่งประหลาดเหลือเชื่อเข้าอีกแล้ว ยิ่งเมื่อได้พบอาการที่ไม่เห็นเหมือนในหนัง หรือตามอาศรมสำนักต่าง ๆ ที่ต้องทำพิธีอัญเชิญ พอจะประทับแล้วตัวสั่นงันงก หน้าบูดหน้าเบี้ยว ทำเสียงเปลี่ยนเป็นอีกคน นี่จู่ ๆ อยากจะลงก็ลงเลย ไม่มีปี่มีขลุ่ย บางทีแค่ตีร่างแรง ๆ ให้เจ็บ หรือร้องไห้ เทพก็ลงประทับร่างแล้ว บางทีแค่หาวก็ลงได้ ตัวร่างเองเป็นวัยรุ่น และออกจะอายเพื่อนฝูงที่มาเป็นอย่างนี้ เพราะเวลาเขาจะลงประทับนี่ ห้ามไม่ได้ เวลาประทับแล้วก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ เสียงก็เปลี่ยน สำเนียงก็เปลี่ยน พฤติกรรมเปลี่ยนหมด พิจารณาแล้วก็ไม่น่าจะใช่ของปลอม ถ้าเขาแกล้งทำจะทำไปเพื่ออะไร ถ้าไปตั้งสำนัก เก็บเงินค่าดูดวงก็ว่าไปอย่าง ความที่เรียนอยู่สายวิทย์มาตลอด ก็ชื่นชอบในการทำตัวเป็นนักวิทยาศาสตร์ ต้องสังเกตก่อน แล้วตั้งสมมุติฐาน จากนั้นก็ทำการทดลอง สังเกตุ เก็บข้อมูล ทดลอง สังเกตุ เก็บข้อมูล จนกว่าจะได้ข้อสรุป โห...นี่ได้ specimen (หนูทดลอง) ชั้นดีเลยนะนี่ ไอ้ที่อยากรู้หน่ะ ไม่ใช่ว่าอยากรู้ว่าของจริงอะป่าว แต่อยากรู้ว่า เขาทำอะไรได้บ้าง มีอำนาจวิเศษอะไรบ้าง เมื่อได้รู้จักกันแล้ว ก็แวะเวียนไปมาหาสู่กัน อยากจะทราบว่า เทพเหล่านี้สามารถบอกอดีต บอกอนาคต หรือพูดง่าย ๆ ดูดวงแม่น อะป่าว และสามารถทำอะไรได้อีกนอกจากดูดวง

13_displayมีอยู่คราวหนึ่งก็อยากจะทราบว่า เทพทั้งหลายนี่ จะสามารถช่วยธุรกิจได้หรือไม่ จึงเอาซองประมูลไปถามว่า ควรจะบวกกี่เปอร์เซ็นต์ดี ตอนนั้นองค์ที่ลงมาเธอบอกว่า เธอเป็นนางฟ้า เป็นบริวารของแป๊ะกง ชื่อหมวยพัด เธอบอกว่า ที่ศาลเจ้าของเธอยังไม่มีรูปของเธอเลย ถ้างานสำเร็จ ขอให้ชายหนุ่มไปหารูปเทพผู้หญิงถือพัดมาใส่ให้ด้วย อะโหย... รูปเทพ เรื่องขี้ประติ๋ว ส่วนของเซ่นไหว้ เธอชอบ นมรสหวาน นมถั่วเหลือง แร่ดตามซอย ก็ได้ ยิ่งเป็นกลิ่นวานิลลา ยิ่งชอบ โห...ยิ่งขี้ประติ๋วใหญ่ ส.บ.ม. แปลว่า สบายมาก ขอให้ได้งานเถอะ จะประเคนให้สักลังนึงยังได้ เธอก็ให้เอาซองประมูลให้เธอจับ (เธออ่านภาษาไทยไม่ออก) เธอหลับตาครู่หนึ่ง แล้วก็บอกว่า ๗ เปอร์เซ็นต์ ได้แน่นอน แม่แฟนตัวดี เอามันส์ เลยว่า ๙ เปอร์เซนต์ไม่ได้รึ เธอก็หลับตาอีก แล้วก็ว่า ได้ แต่ต้องไปช่วย เออ...ชักมันส์ใหญ่ มีไปช่วยได้ด้วยเว้ยเฮ้ย ครั้นแล้วก็ยื่นซองประมูลไป งานนั้นเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตชายหนุ่มเลยมั๊ง ตั้งแต่เปิดบริษัทฯมา ๔ ปี ไปร่วมยื่นซองไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ไม่เคยได้งานประมูลกับเขาเลยสักงาน แต่งานนั้นมูลค่าถึงเกือบสองล้านเจ็ด กลับได้เฉยเลย ที่สำคัญยังเฉียดฉิวคู่แข่งแค่ ๒ หมื่นบาท พอออกจากห้องเปิดซองประมูลก็ไปคุยกับตัวแทนบริษัทคู่แข่ง เขาว่าเขาประมูลไม่เคยแพ้ใครเลย และปกติเขาจะชื่นชอบเลขหก แต่ตอนทำซองนี้ไม่รู้คิดยังไง ใส่เลขเจ็ดลงไป ชายหนุ่มก็เก็ตไอเดีย อ๋อ...เทพนี่เขามีความสามารถในการดลใจคนได้นี่เอง จากนั้นอีกซองมูลค่า ล้านหก ก็ได้มาในเวลาใกล้เคียงกัน หมุนเงินกันไม่ทันเลย ไปยืมเงินเพื่อนซี้ย่ำปึ๊กเขาก็ไม่ให้ ทั้งที่มีโปรเจ็คท์ไปให้ดูเป็นหลักเป็นฐาน และประวัติการเงินก็ขาวสะอาด ไฉไล เนียนโย่ ไม่เคยมีเช็คคืน(เช็คเด้ง)เลยสักใบ อย่างไรเขาก็จะให้เอาทรัพย์สินไปวาง โห...อย่างกับแบ็งค์ นี่ถ้ามีทรัพย์สินมาวาง ชายหนุ่มก็คงไม่มารบกวนคุณพี่หรอกขอรับ ก็หน้าจืดกลับไป ทางลูกค้าเป็นหน่วยงานราชการ ก็โวยวาย ไม่ยอมรับการส่งมอบสินค้า ทั้งที่สินค้าก็ถูกต้องตามที่ระบุในสัญญา ปัญหารุมเร้ามืดแปดด้าน หมดสิ้นหนทางแล้ว ก็กลับไปหาหมวยนางฟ้าอีก (ไม่มีเงินทำงานนี่มันจนตรอกจริง ๆ นะ)

ชายหนุ่มจะแก้ปัญหาได้อย่างไร ไว้ติดตามตอนหน้า

ตอนนี้กลับมาว่าเรื่อง รุกขเทวดากันต่อ ท่านว่า รุกขเทวดา เป็นเทวดาที่มีวิมานแปะอยู่บนต้นไม้ ต้นไม้มีแก่น สูงสักศอกหนึ่ง ก็มีวิมานแปะแล้ว ต้นไม้ต้นใหญ่ ๆ ต้นหนึ่ง ไม่ใช่มีวิมานเดียวนะ เป็นสิบ ๆ วิมานเลย รุกขเทวดานี่ ทำบุญมาดีกว่า ภูมิเทวดานิดหน่อย ประเภทรักษาศีล ๕ ได้ดี วันพระรักษาอุโบสถศีล หรือ ศีล ๘ นั่นละ เสียอย่างเดียว อาจไม่ได้รักษาด้วยตั้งใจ อาจถูกผู้ปกครองบังคับ หรือทำตาม ๆ กันมา เป็นประเพณีนิยม ประมาณว่า ถ้าไม่ทำ จะถูกข้างบ้านนินทา อะไรเทือกนั้น หรือนานน๊านนนนน จะมารักษาอุโบสถศีลสักครั้งหนึ่ง บางทีก็ไปเป็นรุกขเทวดาได้ ทีนี้เรื่องที่น่าสนใจของรุกขเทวดา กลับกลายเป็นเรื่องเสาตกน้ำมัน ดังที่ได้เกริ่นไว้เมื่อตอนก่อน หรือพวกมิสตะคงตะเคียนอะไรหน่ะ มาอย่างไรหนอ ท่านว่า ต้นไม้ที่มีวิมานแปะอยู่ ถ้าถูกตัดมาทั้งต้น บางทีวิมานก็ยังสามารถแปะอยู่ที่เดิมได้ ทีนี้ท่านอยากจะสำแดงตนให้เจ้าของบ้านรู้ว่า อั๊วะอยู่นี่นะเฟ้ย ท่านเลยแสดงอิทธิฤทธิ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยการทำให้เสาตกน้ำมัน อ้า....เข้าใจกันหรือยัง คราวนี้ไปเจอเสาตกน้ำมันนี่ รู้เลยว่า เสานี้มีวิมานแปะอยู่ มีรุกขเทวดารักษาอยู่ และต้องเป็นเทวดาที่มีอานุภาพพอควร ถึงทำเสาตกน้ำมันได้ (เดี๋ยวนี้เจอแต่เสาปูนซะแล้ว เรื่องเสาตกน้ำมัน เลยห่างหายไป ไม่ใคร่ได้ยินกันแล้ว) คนไม่เข้าใจ ก็คิดว่า เป็นไม้ผีสิง มีนางตะเคียนสิงสู่อยู่ รีบมาบนบานขอหวย ถูเสากันยกใหญ่ ไอ้เรื่องหวยนี่ ไม่ต้องชี้ช่อง ก็ติดกันเป็นบ้าเป็นหลังอยู่แล้ว

ความจริงท่านทั้งหลายนี่เขาก็ให้หวยได้แทบทุกองค์ เพราะมีทิพยเนตร มองเห็นเหตุการณ์ในอนาคตได้ แต่เขาต้องพิจารณาก่อนว่า ไอ้คนไปขอหวยนี่ มันเคยทำบุญเดิมไว้หรือเปล่า ถ้ามันไม่เคยทำบุญมา ไปให้หวยมัน บางทีมันก็ไปขัดกฎแห่งกรรม หรือบางทีให้ไปเฮอะ มันซื้ออย่างไรก็ซื้อไม่ถูก ทางที่ดี อย่าไปเล่นเลยครับ มันเป็นอบายมุข ปากทางแห่งความเสื่อม

แต่ถ้าเลิกไม่ได้จริง ๆ ท่านเคยบอกไว้ว่า ไอ้พวกถูกหวยนี่ ชาติก่อน มันทำบุญแบบไม่ตั้งใจ ขับ ๆ รถไป เห็นพระธุดงค์ปุ๊บ แวะรับปั๊บ ไม่มีการวางแผนมาก่อน หรือ เห็นคนพิการปั๊บ ช่วยเหลือปุ๊บ หรือ เห็นซองผ้าป่าปั๊บ ควักกระเป๋าปุ๊บ อะไรเทือกนั้น ถ้าอยากเกิดอีก แล้วถูกหวย ก็ลองปฏิบัติดูได้ ทว่า ทางที่ดี อย่าไปเกิดมันเลยครับ เกิดทีไร ก็ทุกข์ทุกที

14_displayไหน ๆ ก็มีท่านอยู่รักษาเรือนไทยโบราณของเรา(มีเสาไม้เสาเบ่อเร่ออยู่กลางบ้าน)แล้ว ก็ทำบุญเลี้ยงท่านเสียหน่อย นิมนต์พระมาสัก ๕ รูปหรือกว่านั้น เลี้ยงเพล ตามตำรับที่เขาทำ ๆ กันนั่นแหละ แล้วคิดถึงท่าน อุทิศส่วนกุศลให้ท่าน แค่นี้ ชีวิตก็ราบรื่นเหลือจะกล่าว (การทำบุญบ้านนี่ อย่าลืมนะครับว่า อย่าให้มีบาปแม้สักเล็กน้อย โผล่มาก่อนบุญ เช่น เหล้า หรือการพนัน นี่เก็บไว้ทีหลังเลย หรือการฆ่าสัตว์ เอามาต้มยำทำแกงเลี้ยงพระ แม้การตอกไข่มีเชื้อใบเดียวก็ห้ามทำ ไม่งั้นผู้ที่เราอุทิศส่วนกุศลไปให้ เขาจะโมทนาไม่ได้)

เคยอ่านหนังสือเรื่อง "ผมจะเป็นคนดี" ของเศรษฐีแสนล้าน วิกรม กรมดิษฐ์ กันบ้างหรือเปล่า ในเรื่องนั้น โฮมออฟฟิสหลังแรกนั้น ก่อนจะย้ายเข้าไป เขาว่า มีผีสิง ผีดุ ชอบโผล่ออกมาหลอกหลอนชาวบ้าน นั่นละของดี รู้ไหม พวกผีที่เขาสามารถสำแดงตนให้คนอื่นเห็นได้นี่ แสดงว่า อานุภาพเขาไม่ธรรมดา เพียงแต่เขาอาจจะยังเป็นผีมิจฉาทิฏฐิ กูหิว กูไม่รู้จะไปขอเขายังไง ก็เลยหลอกซะ คนไม่รู้ก็ขวัญหนีดีฝ่อ วิ่งกันป่าราบ แต่ตาวิกรมนี่แกไม่กลัวผี และรู้งาน ไปถึงแกก็จัดการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้าที่ของบ้าน โอ้โห...เป็นไง หลังจากนั้น งานเข้าเละ แต่เรื่องพวกนี้ จะไปหวังพึ่งเขาอย่างเดียวก็ไม่ได้ ไม่งั้นถ้ามันง่ายดาย แค่ทำบุญบ้าน คงมีเศรษฐีแสนล้านกันล้นเมืองแล้ว มันอยู่ที่สองมือของเราด้วย ตำราฮวงจุ้ยท่านว่าไว้ว่า กำลังของกิจการ ๓๐ เปอร์เซนต์มาจากดวงเจ้าของ ๓๐ เปอร์เซนต์มาจากสถานที่ อีก ๔๐ เปอร์เซนต์มาฟ้าดิน (หรือก็คือจากกรรมนั่นแล ซึ่งกรรม หรือการกระทำในปัจจุบันมีผลมากกว่ากรรมจากอดีต) ฉะนั้นจะไปหวังพึ่งอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ต้องประกอบกันหลายอย่าง และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ครับ

เอาละได้รู้จักเทวดาไปสองจำพวกแล้ว ที่ต้องเขียนยาว เพราะเทวดา ๒ ประเภทนี้ อยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์มาก เจอบ่อย ว่างั้นเถอะ ตอนหน้าจะพาเขยิบสูงขึ้นไปอีกนิดหนึ่ง เป็นตอนของ "อากาสเทวดา" กันละ

จบตอน ๓

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons