วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ผมมีองค์รู้หมด ก็อย่างงี้ไง-ไตรภูมิภาคพิสดาร ตอนที่ ๔by Dhammasarokikku

5_displayเอ็นทรี่นี้ สืบเนื่องมาจากถูกเชิญไปเม้นท์ เอ็นทรี่หนึ่งชื่อว่าผมมีองค์รู้หมด.... แล้วไงเหรอคะ? เม้นท์ไปเม้นท์มา ยาวเป็นกิโล แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะจบ เลยเอามาทำเป็นเอ็นทรี่ใหม่ ครั้นมาเป็นเอ็นทรี่ใหม่แล้ว สามตอนแล้วก็ยังไม่จบอีก ต้องมีตอนที่ ๔ ดังนี้แล

ความตอนที่แล้วมาแวะพักผ่อนแวะจิบชาเขียวโออิชิ คุยทำความรู้จักกับท่านรุกขเทวดา อันเป็นเทวดาที่มีวิมานแปะอยู่บนต้นไม้ กันพอสมควร ก่อนที่ข้าพเจ้าจะพาคุณเหินฟ้า ไปพบกับ อากาสเทวดา มีเสียงรีเคว้ทส์มาว่า อยากทราบเรื่องประสบการณ์ตรงของข้าพเจ้าก่อน เพื่อไม่ให้เป็นการขัดใจโก๋ ก็จะนำเรื่องราวของข้าพเจ้ามาเล่าสู่กันฟังเสียเป็นอารัมภบท มาถึงตอนที่ ๔ นี้ พวกปรัชญาฟีเว่อร์คงหายไปหมดแล้ว เหลือแต่คนที่อยากรู้เรื่องราวที่ข้าพเจ้าไปประสบมาจริง ๆ และผู้ที่อยากหาคำอธิบายของเรื่องราวเหลือเชื่อต่าง ๆ ของอย่างนี้ ไม่ประสบด้วยตัวเองไม่เชื่อหรอกครับ ฉะนั้นอย่าแปลกใจเลยที่ผู้อ่านจะไม่เชื่อเรื่องราวต่อไปนี้ ดีแล้วครับ เพราะพระพุทธเจ้าท่านสรรเสริญ การนำไปคิดพิจารณา หรือลองปฏิบัติดูจนเห็นผลก่อน แล้วค่อยเชื่อ มากกว่าการน้อมใจเชื่อง่าย ๆ ครับ เผอิญข้าพเจ้าเป็นพวกสัทธาจริตเสียด้วย เชื่อง่าย แก้ยังไงก็แก้ไม่หาย ก็เลยมีเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังนี่ละครับ ส่วนผู้ที่เชื่อยาก มักไม่มีอะไรที่ดูไม่ฉลาดอย่างที่ข้าพเจ้าประสบมาเล่าให้ฟังหรอกครับ เพราะเขากลัวเสียฟอร์ม ความตอนที่แล้วมาถึงตอนที่ชายหนุ่มมืดแปดด้าน เพราะไม่มีเงินจะทำโปรเจ็ค เนื่องจากได้ซองประมูลมา ๒ ซอง ในเวลาไล่เลี่ยกัน ซองหนึ่ง ๒.๗ ล้าน อีกซอง ๑.๖ ล้าน หมดสิ้นหนทาง เลยออกตามหาหมวยพัดอีกรอบ

ส่วนหนึ่งของอัตตโนชีวประวัติ (ชายหนุ่ม=ตัวข้าพเจ้าเอง)

คราวนี้ทราบว่า ร่างไปบวชพราหมณ์ ปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ก็เลยตามไปเจอที่วัด (ก็เลยรู้จักวัด และเจ้าอาวาส เป็นวัดเพียงวัดเดียวนอกจากวัดที่สุรินทร์ที่ชายหนุ่มรู้จัก) เธอก็บอกเธอลืมไป แล้วถามชื่อชายหนุ่มอีก บอกให้เขียนชื่อลงกระดาษ แล้วเธอก็จับ บอกว่า คราวนี้จำได้แล้ว พอกลับมา เหลือเชื่อมาก พี่ชายเพื่อนเห็นเราตีหน้าเศร้าเล่าความจริง จู่ ๆ เกิดสงสารขึ้นมา ให้ยืมเงินเฉยเลย ขอเพียงเอาเช็คมาแลก โอ้โห... สมัยหลังฟองสบู่นี่ การแลกเช็คนี่เหมือนให้เปล่าเลยนะ เพราะจะไปขึ้นโรงขึ้นศาลหน่ะ ตายตั้งแต่ตำรวจไม่รับคดีที่โรงพักแล้ว ต้องเชื่อใจกันสุด ๆ หน่ะ เขาถึงให้แลก แล้วจำนวนเงินที่ให้แลกเช็คนี่ก็สูงถึง ๒ ล้านบาท ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วงานนี้ เท่านั้นยังไม่พอ หัวหน้าคณะกรรมการตรวจรับ จากตอนแรกที่โวยวาย ทำท่าจะฟาดงวงฟาดงา หาของเซ่นไหว้ใต้โต๊ะ (สมัยก่อนชายหนุ่มไม่ทราบเลยว่า อาการเช่นนี้คืออาการส่งซิกว่า "มาใต้โต๊ะกรูด่วน") เมื่อทราบว่าชายหนุ่มที่เขาไปโวยวายด้วย เป็นเจ้าของบริษัทฯ ก็กลายเป็นจ๋องไป ขอซื้อฮาร์ดดิสก์ชำรุดที่อยู่ในประกันในราคาต่ำมาก ๆ ไป ๑ ตัว แล้วก็เงียบหายไปเลย เซ็นรับงานอย่างง่ายดาย จากนั้นก็ทำงานไปจนจบ บอกได้เลยว่า งานนี้ รากเลือด ก็ทั้งบริษัทนี่มีแค่ไม่ถึง ๑๐ คน เฉพาะช่างนี่ไม่ถึง ๓ คน ขนคอมพิวเตอร์ ๑๓๔ ชุด จากกรุงเทพฯ ขึ้นรถบรรทุก ๖ ล้อ ขับไปสัตหีบ(เอง) พร้อมติดตั้ง

จบงานน้องชายตัวดีที่คุณยายไปลากตัวให้ลาสิกขามาช่วยกันทำร้าน หลังจากบวชไปแล้ว ๔ พรรษา ก็แผลงฤทธิ์ขอเข้าบ่อนแก้เหนื่อย สิ้นเงินไปสองแสนเศษ ใกล้เคียงกับกำไรที่ได้จากงานนั้นเลย ชายหนุ่มทราบได้ในวินาทีนั้นว่า ความอิ๊บอ๋ายมาเยือนอีกแล้ว จึงสั่งปิดหน้าร้านที่น้องชายคุมอยู่ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย สร้างความงุนงงแก่ร้านค้าละแวกนั้นเป็นอันมาก เพราะยอดขายก็ไม่ขี้เหร่ เดือนละ ๔-๕ ล้านบาท ลูกค้าขาประจำก็พอมี ไหงปิดกันห้วน ๆ ไม่มีสาเหตุ (ปกติร้านคอมฯนี่เวลาปิดกิจการ มักจะสร้างความเวียนเฮดให้เจ้าหนี้เป็นอย่างมาก เพราะมักทิ้งหนี้สินไว้ให้ซัพพลายเออร์เป็นตัวเลขสูง ๆ แต่กรณีชายหนุ่มกลับเงียบสนิท) หลังปิดร้านแล้ว ผีพนันก็ยังคงสิงใจน้องชายต่อไป เพลานั้น จะใช้มุกเดิม ๆ พาไปบวชก็เป็นไปไม่ได้แล้ว น้องชายรู้ไต๋หมดแล้ว ก็ในเมื่อวิถีทางโลกไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ น้องชายขณะนั้นก็อายุ ๒๙ แล้ว เป็นไม้แก่ดัดไม่ได้เสียแล้ว จะแก้ไขอย่างไร ก็ต้องพึ่งศาสตร์ลี้ลับกันบ้าง

4_displayศาสตร์ลี้ลับคืออะไร ไว้ต่อตอนหน้า ตอนนี้กลับไปก๊งน้ำปานะ กับท่านอากาสเทวดากันดีฝ่า

แต่น แต๊น... ท่านอากาสเทวดา คือใคร ก็อย่างชื่อท่านนั่นแหละ คือเทวดาที่มีวิมานลอยอยู่บนอากาศ ชั้นกามาวจร หรือ กามาพจร มีอยู่ ๖ ชั้น ทำไมถึงชื่อกามาวจร ก็อย่างชื่อบอกอีกนั่นแหละ คือเทวดาที่ยังเสพกามอยู่นั่นเอง เหนือขึ้นไปจะเป็นพรหม ๒๐ ชั้น แบ่งเป็น รูปพรหม ๑๖ ชั้น อรูปพรหมอีก ๔ ชั้น ท่านพรหมทั้งหลายนี่ ท่านไม่เสพกามเสียแล้ว ก็เลยอดใช้ชื่อที่มีคำว่า "กาม" นำหน้า ส่วนผู้เขียนนี่มีชื่อนี้ต่อท้ายเหมือนกัน คือ หื่นกาม  (เสื่อมแล้วไหมล่ะ)

ท่านพรหมทั้งหลายนี่ ทำไงถึงได้ขึ้นไปอยู่กระทบไหล่ท่านได้หนอ ท่านว่า ให้เข้าฌานตาย แล้วจะไปเป็นพรหม ถ้าเข้ารูปฌานได้ คือ ปฐมฌาน(ฌาน๑) ทุติยฌาน(ฌาน๒) ตติยฌาน(ฌาน๓) หรือ จตุตถฌาน(ฌาน๔)ได้ ก็ไปเป็นรูปพรหม ชั้นใดชั้นหนึ่งใน ๑๑ ชั้น ถ้าเข้าอรูปฌานได้ คือ ฌาน ๕,๖,๗ หรือ ๘ ชื่อเป็นทางการเรียกว่า อากาสานัญจายตนฌาน วิญญาณัญจายตนฌาน อากิญจัญญายตนฌาน และเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ก็ไปเป็นอรูปพรหม ชั้นใด ชั้นหนึ่งใน ๔ ชั้น หรือที่เขาเรียกกันว่า พรหมลูกฟัก ที่อาจารย์ทั้งสองของพระพุทธเจ้ามี อุทกดาบส รามบุตร และอาฬารดาบส กาลามโคตร ไปอยู่นั่นเอง พรหมลูกฟักนี้ ไม่มีรูป ไม่มีอายตนะทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เลยฟังธรรมไม่ได้ พระพุทธเจ้าถึงดำริว่า ท่านเป็นผู้ฉิบหายจากการฟังธรรมเสียแล้ว คำว่า ฉิบหาย ในบาลีไม่ใช่คำหยาบ แต่หมายถึง ได้ตายจากการฟังธรรม หรือพูดง่าย ๆ ไม่มีหูจะฟังธรรมแล้วนั่นเอง พรหมลูกฟักนี้มีอายุยาวนานมาก ๆ พระพุทธเจ้าอุบัติแล้ว ๑๐ พระองค์ ยังไม่รู้ว่า จะหมดอายุหรือยัง

สังเกตุไหมว่า แล้วหายไปไหน ๕ ชั้น เข้าฌานตายไปได้แค่ ๑๑ ชั้นเท่านั้น อีก ๕ ขั้นเป็นชั้นสงวนพิเศษ ไว้สำหรับผู้ที่ได้อริยมรรค อริยผล ชั้นอนาคามีเท่านั้น เรียกว่า พรหมชั้นสุทธาวาส ได้แก่ อวิหา, อตัปปา, สุทัสสา, สุทัสสี และ อกนิฏฐา ถ้าขึ้นไปอยู่เป็นพรหมใน ๕ ชั้นนี้ ไม่ต้องลงมาเกิดแล้ว รอนิพพานบนนั้นเลย เหล่าพรหมทั้ง ๑๖ ชั้นนี่ไม่มีเพศ แต่ค่อนไปทางผู้ชาย อยู่วิมานคนเดียวโดด ๆ ไม่มีบริวาร เช่นสวรรค์ชั้นกามวจร เสวยฌานสุขอยู่จนสิ้นอายุขัย (ท่านก็สุขของท่านอะนะ เป็นเราคงเบื่อตายเลย อยู่คนเดียว เงียบเหงาสิ้นดี) เสียงท่านจะเพราะมาก เสียงเล็ก ๆ เหมือนเสียงเด็ก กับผู้หญิงผสมกัน ใครเคยได้ยินเสียงแบบนี้ รู้ไว้เลยว่า นี่ไม่ใช่ผีธรรมดา เป็นผีท่านพรหม

อ้าว...แล้วไหงเลยสวรรค์กามาวจรทั้ง ๖ มาโผล่ชั้นพรหมได้ละเนี่ยะ บ๊ะ....จะย้อนกลับลงไป โควต้าหน้ากระดาษก็หมดเสียแล้ว เอาไว้ไปเที่ยวสวรรค์ชั้น กามาวจรกันตอนหน้าละกัน

จบตอน ๔

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons